Tuesday, 26 October 2010
ความหมาย (PHP Meaning)
Monday, 25 October 2010
Ajax
Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเว็บ แต่เป็นเทคนิคที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น
• HTML หรือ XHTML และ CSS สำหรับการแสดงข้อมูล
• DOM (Document Object Model) สำหรับให้ JavaScript ในการทำงานเพื่อใช้ในการแสดงไดนามิกข้อมูล
• XML และ XSLT สำหรับการส่งข้อมูลและการจัดการข้อมูล
• XMLHttpRequest เป็นออบเจ็กต์ ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์
• JavaScript คือเครื่องมือที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน
บราวเซอร์ที่สนับสนุน
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า Ajax เป็นเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรใหม่ จึงทำให้โปรแกรมบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ ในปัจจุบันสามารถทำงานร่วม กับ Ajax ได้
1. Apple Safari 1.2 หรือใหม่กว่า
2. Konqueror
3. Microsoft Internet Explorer 4.0 หรือใหม่กว่า
4. Mozilla Firefox 1.0 หรือใหม่กว่า
5. Netscape 7.1 หรือใหม่กว่า
6. Opera 7.6
สรุปก็คือ Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุดของการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชัน แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกจับมารวบอยู่ด้วยกัน Ajax ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ เพราะแม้แต่ Google ที่ได้รับการยอมรับว่ามี การพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีทางเว็บก้าวหน้าอย่างมาก ยังนำ Ajax มาใช้ในแอพพลิเคชันของตน เราในฐานะของนักพัฒนาชาวไทย เราคงต้องหันมาสนใจและนำ Ajax มาใช้มากขึ้น
Thursday, 21 October 2010
การใช้งาน VOIP
ปกติทำอย่างไร
ปกติแล้วเวลาเราเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับนักธุรกิจ หรือผู้ที่ไม่สามารถขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ก็จำเป็นต้องเปิดบริการ Roaming จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อถึงประเทศนั้นๆ เราก็เปิดเครื่อง หาเครือข่ายที่รับได้ แล้วก็สามารถใช้งานได้ทันที ทั้งโทรเข้า,โทรออก ค่าบริการ ที่ไม่ว่าเราจะรับสาย หรือโทรกลับเมืองไทย ค่าบริการแพง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDBWeVe77ZVaBAG0gl6ZqJ9zegnV6Wv-MttqFe0JTFcPgZZ3Aru_o6Ju1k7liS-gq7XIv3jJCZiPXKaOdwHbNf5yfHhlbiM3hSo_tyb7X5oGxSGbFDu9skuVFpqkq1ODxRfGroWVVa9BE/s320/voip1.jpg)
การซื้อ Calling Card ที่มีขายในเมืองนอกนั้น ก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดได้มาก แต่ว่าไม่สามารถรับสายได้ และถ้าจะถูกก็ต้องโทรจากตู้สาธารณะเท่านั้น เพราะหากไปโทรจากมือถือมันก็แพงพอๆกันอยู่ดี
รับสายผ่าน VoIP ถูกกว่า สะดวกกว่า
การ By Pass เครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ (PSTN) และไปวิ่งผ่านทางเครือข่าย VoIP แทน
ทำอย่างไร
สิ่งที่ต้องมี
1.1 VoIP Gateway (FXO+FXS)ซึ่งต่อเข้ากับเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่เตรียมไว้ในข้อ 1.3
1.2 VoIP Account (บริการจากผู้ให้บริการ VoIP หรือที่เรียกว่า ITSP = Internet Telephony Service Provider) ซึ่งค่าบริการจะถูกกว่า เช่นโทรไปอเมกิการอาจจะราคาเพียง 2-3 บาท/นาที
1.3 เบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน 1 เบอร์
1.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjSa7asUcGYsTF0J-zbJl79wd6E21hJd_hjWqoONWbHqZ0puqNOnvW3Y9JWTAXODr9KAqn-fEEN8HRAIEAuEWf6WpvYxN-CiS8uwNUHgg57rfnGfk0KnD2Df1CUsyGb15MyiWJr5kEF178/s320/voip2.jpg)
2.1 Divert เบอร์มือถือของท่านไปยังเบอร์บ้านในประเทศไทย เพื่อให้คนที่โทรมาหาเรา มันก็จะไปดังที่เบอร์โทรศัพท์พื้นฐานแทน(1.3)...เสียนาทีละ 3 บาทแต่ก็ถูกกว่า 100 บาทในต่างประเทศ
2.2 เมื่อมีการโทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือของเราที่ Divert ไว้ ไปยังเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่ต่อเข้ากับ VoIP Gateway ซึ่งเราได้ทำการตั้งค่าให้มันต่อสาย ผ่าน ITSP (1.2)ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ (1.4) ที่เราต้องไปซื้อเมื่อไปถึง (เราอาจจะเลือกแบบ Prepaid เพราะเอาไว้รับสายเป็นหลัก)
เท่านี้เราก็สามารถรับสายเข้าจากเมืองไทย ได้โดยเสียค่าบริการเพียงนาทีละ 5 (ค่าบริการ VoIP + ค่าบริการ Divert) ซึ่งน่าจะประหยัดกว่ามากเลยทีเดียว!!
วิธีที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก
นอกจากโทรกันปกติแล้ว เรายังสามารถรับสายที่โอนจาก Office ในเมืองไทยได้เสมือนกับเป็นเบอร์ต่อเบอร์ได้อีกด้วย โดยผู้โทรเข้าก็โทรเข้ามาที่ Office เหมือนปกติ และหากเมื่อเค้าต้องการคุยกับคนที่อยู่ต่างประเทศ ก็โอนสายไปยังเบอร์ต่อภายในที่ถูกโปรแกรม ไปยังเบอร์ต่างประเทศที่เรากำหนด ไว้ เท่านี้ก็สามารถรับสาย อย่างประหยัดและไม่เสียงานเสียการได้เหมือนกัน
Wednesday, 20 October 2010
การ Scan Disk ตรวจสอบ Harddisk สำหรับ Windows XP
"" Thank you very much, I very impression with you services. " หนูดีใจค่ะ เเต่ หนูก็รู้ว่าต้องพยายามมากกว่านี้ มาก เอาล่ะค่ะ วันนี้นำวิธีการ scan disk มาฝากกันนะค่ะ 1. ดับเบิ้ลคลิกที่ My Computer คลิกขวาไดร์ฟที่ต้องการทำ Scan Disk เลือก Properties
2. คลิกที่แท็บ Tools จากนั้นคลิกที่ Check Now
3. คลิกเครื่องหมายถูกที่ Scan for and attempt recovery of bad sectors แล้วคลิก Start
4. รอสักครู่เครื่องจะทำการ Scan Disk
5. เมื่อเครื่องทำการ Scan Disk เสร็จก็จะรายงานได้ทราบ ให้คลิก OK
** Tips อีกหน่อยนะค่ะ
ขณะที่ทำการ Scan Disk ไม่ควรเปิดโปรแกรมใด ๆ
Automatically fix errors เป็นการกำหนดให้ทำการแก้ไขปัญหาที่พบโดยอัตโนมัติ เมื่อพบข้อผิดพลาดขึ้น
ไม่ยากเลยนะค่ะ ยังไง ก็ ลองทำกันดูนะค่ะ
Monday, 18 October 2010
ข้อดีข้อเสียของ Linux
2. มีเสถียรภาพที่ดีกว่า
3. ลีนุกส์สามารถปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
4. ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
5. มีอิสระ
6. ไม่ต้องติดตั้งซอฟแวร์อะไรเพิ่มเติม
7. สามารถอัพเดทซอฟแวร์ได้ง่ายดายเพียงคลิกเดียว
8. ไม่ผิดกฏหมาย
9. ไม่ต้องค้นหาซอฟแวร์ให้เสียเวลา
10. เดสทอป ที่ล้ำสมัยกว่าด้วย 3D-Desktop
11. เลิกทำ Defragment Hard Disk (จัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสให้เป็นที่เป็นทาง) ไปได้เลย
12. สามารถมีเดสทอปตามแบบที่ตัวเองชอบได้
13. แม้จะใช้งานไปนาน ก็ยังเร็วเหมือนเดิม
14. สามารถใช้ MSN, AIM, ICQ, Jabber ด้วยโปรแกรมเพียงโปรแกรมเดียว
16. สะดวก
17. ไม่ต้องรอ Service Pack
18. ไม่ต้องเสียเวลารีสตาร์ทเครื่องบ่อยๆ
19. ไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ เพื่อที่จะได้ใช้ OS ตัวใหม่ๆ
20. มีเกมส์ฟรี ให้เล่น
21. ลีนุกส์ช่วยให้เงินไม่รั่วออกนอกประเทศ
22. โปรแกรมฟังเพลงที่ดี
23. สามารถติดตามสะภาพอากาศได้ตลอดเวลา
24. อื่นๆ อีกมากมาย (หากได้ทดลองใช้งานกัน)
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ อ่านเเล้ว รู้สึกว่า จะมาเเก้ไข os ของ windows ได้หมดทุกข้อกันเลยทีดี ค่ะ ยังไงหากสนใจใน linux ก็สามารถนำมาลงในเครื่องของเราได้นะค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน
Friday, 15 October 2010
Technomart Innomart 2010
http://www.most.go.th/main/
Tuesday, 12 October 2010
โปรโตคอลมาตรฐานของของระบบเครือข่าย
รู้จักกับโปรโตคอล
การที่จะให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจนั้น จำเป็นต้องมีภาษาในการสื่อสารโดยเฉพาะ สำหรับภาษาของการสื่อสารในคอมพิวเตอร์เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol) เป็นระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสาร ให้สามารถติดต่อสื่อสารกันหรือ รับส่งข้อมูลระหว่างต้นทางกับปลายทางได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด โปรโตคอลที่ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์มีอยู่มากมายหลายแบบเช่น NetBEUI ซึ่งเป็นโปรโตคอลอีกตัวหนึ่ง ที่ใช้ได้ดีในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก แต่ไม่สามารถทำงานได้เร็วมากนัก นิยมใช้ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอย่าง Windows for Work group 3.11 เป็นต้น และก็ยังมีโปรโตคอลอื่นๆ อีกมาก แต่ส่วนมากที่ใช้กันเป็นหลักก็คือโปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) TCP/IP เป็นโปรโตคอลที่ใช้กันในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าใช้ใน Home Network ได้ด้วย TCP/IP จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย การทำงาน TCP/IP จะมีการจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นขนาดย่อยๆ เรียกว่า "แพ็กเกจ" จากนั้นจึงทยอยส่งกันไปจนถึงจุดหมายปลายทาง เสร็จแล้วจึงจะรวมแพ็กเกจย่อยๆ นั้นเป็นข้อมูลต้นฉบับอีกครั้ง และมีการรับประกันความถูกต้องโดยตัวมันเอง
IP Address
การติดต่อสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP นอกจากการทำงานของ TCP/IP แล้ว ยังจำเป็นต้องมีการกำหนดเลขหมายของอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครือข่าย เพื่อเกิดการอ้างอิงโดยไม่ซ้ำกันจะได้ส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เลขหมายดังกล่าวเรียกว่า ไอพีแอดเดรส เป็นตัวเลขหลัก 4 ชุดที่คั่นด้วยจุด เช่น 192.168.0.1 ไอพีแอดเดรสก็เปรียบเหมือนกับเลขที่บ้าน โดยบ้านแต่ละหลังจะต้องมีเลขที่บ้านโดยต้องไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าซ้ำกันแล้ว บุรุษไปรษณีย์คงจะส่งจดหมายไม่ถูก สำหรับใน Home Network ของเรานี้ จะเริ่มกำหนดไอพีแอดเดรส 192.168.0.1 เป็นต้นไป เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องที่ 1 กำหนดไอพีแอดเดรสเป็น 192.168.0.2 คอมพิวเตอร์เครื่องที่ 2 มีไอพีแอดเดรสเป็น 192.168.0.2 แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ต้องไม่เกิน 192.168.0.254 ครับ (คิดว่าคงไม่มีบ้านไหนมีคอมพิวเตอร์ถึง 254 เครื่อง)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเร็วในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล ในปัจจุบันมีมาตรฐานที่เรียกว่า Fast Ethernet หัวใจหลักของ Fast Ethernet ก็คือความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้ถึง 100 Mbps (หนึ่งล้านบิตต่อวินาที) และความเร็วขนาด 1000 Mbps หรือ 1 Gbps (พันล้านบิตต่อวินาที) และอาจถึง 10 Gbps ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับ Home Network ที่แนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จัก และจะเริ่มลงมือปฏิบัติต่อไปนี้ จะเป็นระบบ LAN แบบ Peer to Peer ใช้รูปแบบการเชื่อมต่อแบบสตาร์ โดยใช้สาย UTP และมีอุปกรณ์เพิ่มเติมคือ ฮับ หรือ สวิตซ์ และกำหนดไอพีแอดเดรส เริ่มตั้งแต่ 192.168.0.1 เป็นต้นไป
IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) และ EIA (Electronics Association) เป็นหน่วยงานสากลที่มีหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานของการออกแบบผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ กำหนดรูปแบบ
การส่งสัญญาณ จะมีโปรโตคอลอยู่ 3 แบบ ด้วยกันคือ
• ARCnet
• Ethernet
• Token Ring
• ARCnet หรือ Attached ARCnet Resource Computing Network เป็นโปรโตคอลที่ออบแบบโดยบริษัท Data Point
ในช่วงปีคศ.1977 ใช้หลักการแบบ "Transmission Permission" ในการส่งข้อมูล จะมีการกำหนดตำแหน่งแอดเดรสของเครื่องเวิร์กสเตชั่นลงไปด้วย สามารถจะเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Bus และ Star มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลค่อนข้างน้อยเพียง 2.5 Kbps (2.5 เมกกะบิตต่อวินาที) ทำให้ไม่เป็นที่นิยมใช้งาน
Ethernet เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบโดยบริษัท Xerox ในช่วงปี คศ.1970 ใช้หลักการทำงานแบบ CSMA/CD(Carrier Sense Multiple Access With Collision Detection) ในการส่งแมสเซจไปบนสายสัญญาณของระบบเครือข่าย ถ้าหากมีการส่งออกมาพร้อมกันย่อมจะเกิดการชนกัน (Collision) ของสัญญาณ ทำให้การส่งผ่านข้อมูลต้องหยุดลงทันที CSMA/CD จะใช้วิธีของ Listen before-Transmiting คือ ก่อนจะส่งสัญญาณออกไปจะต้องตรวจสอบว่าขณะนั้นมีเวิร์กสเตชั่นเครื่องใดทำการ รับ-ส่งแมสเซจบนสายเคเบิ้ลอยู่หรือไม่? ถ้ามีก็ต้องรอจนกว่าสายเคเบิ้ลจะว่าง แล้วจึงส่งข้อมูลออกไปบนสายเคเบิ้ล
โปรโตคอล Ethernet เป็นมาตรฐานของ IEEE 802.3 สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bus และ Star โดยใช้สาย Coaxial หรือสายทองแดงคู่ตีเกลียว (UTP = Unsheild Twisted Pair) ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 10 Mpbs (10 เมกกะบิตต่อวินาที) ในปัจจุบันได้พัฒนาความเร็วเป็น 100 Mbps มีความยาวสูงสุดระหว่างเครื่องเวิร์กสเตชั่น 2.8 กิโลเมตรในการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ไปบนสายเคเบิ้ล จะใช้แบบ Machestes Encodeb Digital Base band และกล่าวถึงสัญญาณดิจิตอล 0-1 ในการส่งผ่านไปบนสายเคเบิ้ล Ethernet มีรูปแบบการต่อสายเคเบิ้ล 3 แบบด้วยกันคือ
• 10 Base T
• 10 Base 2
• 10 Base 5
10 Base T เป็นรูปแบบในการต่อสายที่นิยมมาก "10" หมายถึงความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล (10 เมกกะบิตต่อวินาที) "Base" หมายถึง ลักษณะการส่งข้อมูลแบบ Base band ซึ่งเป็นดิจิตอล และ "T" หมายถึง Twisted Pair (สายทองแดงคู่ตีเกลียว) สรุปแล้ว 10 Base T คือ การใช้สาย Twisted Pair ในการรับ-ส่งมีความเร็ว 10 Mbps ด้วยสัญญาณแบบ Base band ปัจจุบันจะใช้สาย UTP (Unshield Twisted Pair) ซึ่งจะมีสายเส้นเล็กๆ ภายใน 8 เส้นตีเกลียวกับ 4 คู่
10 Base 2 เป็นรูปแบบต่อสายโดยใช้สาย Coaxial มีเส้นศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว เรียกว่า Thin Coaxial สายจะมีความยาวไม่เกิน 180 เมตร
10 Base 5 เป็นรูปแบบในการต่อสายโดยใช้สาย Coaxial ขนาดใหญ่ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1/2 นิ้ว เรียกว่าสาย Thick Coaxial การเชื่อมต่อละจุดจะมี Transcever เป็นตัวเชื่อมและใช้สายเคเบิ้ล AUI เชื่อมระหว่างเครื่องเวิร์กสเตชั่น สายจะมีความยาวไม่เกิน 500 เมตร
Token Ring เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบโดยบริษัท IBM ใช้มาตรฐานของ IEEE 802.5 มีระบบการติดต่อแบบ Token-Passing สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Ring และ Star มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 4/16 Mbps และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ของเครื่องเมนเฟรมได้โดย ตรง จากปัญหาที่เกิดการชนกันของสัญญาณ (Collision) เป็นเหตุให้ IBM หันมาใช้สัญญาณ Token เพื่อติดต่อระหว่างโหมด ขั้นตอนการรับ-ส่งข้อมูลแบบ Token-Passing Ring มีดังนี้
• ชุดข้อมูล Token จะถูกส่งให้วิ่งไปรอบๆ วงแหวนของเน็ตเวิร์ก ถ้ามีเวิร์กสเตชั่นเครื่องใดต้องการจะส่งผ่านข้อมูล ก็จะต้องรอจนกว่า Token นั้นว่างก่อน
• เมื่อรับ Token ว่างมาแล้ว ก็จะทำการเคลื่อนย้ายเฟรมข้อมูลต่อท้ายกับ Token นั้นแล้วส่งข้อมูลไปยังปลายทาง
• เวิร์กสเตชั่นอื่นที่ต้องการจะส่งข้อมูลก็ต้องรอจนกว่า Token จะว่าจึงจะส่งข้อมูลได้
เน็ตเวิร์กโปโตคอลที่ต้องใช้งาน
ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอ็นต์ จะใช้โปรแกรมโตคอลในการสื่อสารข้อมูล การค้นหาเส้นทางสนับสนุนการใช้บริการต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์ซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกันคือ
TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
เป็นโปรโตคอลที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1969 โดยเครือข่ายทางทหารของสหรัฐอเมริกาชื่อ ARPANET (Advanced Research Project Agency Network) เพื่อใช้กับระบบเครือข่าย WAN ต่อมาได้นำมาใช้งานเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายสาธารณะขนาดใหญ่หรืออินเตอร์เน็ต TCP/IP เป็นโปรโตคอลที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงสามารถจะค้นหาเส้นทางได้ เหมาะสำหรับใช้ในองค์กรขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ สามารถจะส่งผ่านข้อมูลข้ามระบบที่ต่างกันได้ เช่น Windows กับ UNIX หรือ Netware หรือ Linux
NetBEUI (NetBIOS Extended Use Interface)
เป็นโปตคอลที่พัฒนามาจาก NetBIOS เริ่มใช้งานประมาณปี ค.ศ.1985 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับเครือข่ายขนาดเล็ก เช่น ระบบ LAN ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 10-200 เครื่อง NetBEUI ไม่สามารถจะค้นหาเส้นทางได้ และทำการ Route ข้อมูลข้ามเครือข่ายไม่ได้ เหมาะสำหรับเครือข่าย LAN แต่ไม่เหมาะกับระบบ WAN ระบบปฏิบัติการ Windows NT และ Windows 2000 ยังสนับสนุนไคลเอ็นต์รุ่นเก่าที่ใช้โปรโตคอลตัวนี้อยู่
IPX/SPX (Intenetwork Packet Exchange/Sequanced Packet Exchange)
เป็นโปรโตคอลที่พัฒนามาจาก XNS Protocol (ของบริษัท Xerox Corporation และทางบริษัท Novell ได้นำพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น) จะมีความสามารถในการค้นหาเส้นทางสำหรับเครือข่ายระบบ LAN และ WAN ทางไมโครซอฟท์ก็สนับสนุนโปรโตคอลตัวนี้แต่เรียกว่า NWLink IPX/SPX Compatible Transport Protocol ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Netware สามารถใช้งานฐานข้อมูล SQL Server บน Windows NT ได้ หรือการเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SNA ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Mainframe ของ IBM
DLC (Data Link Control)
เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบพัฒนาโดยบริษัท IBM เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อสื่อสารกับเครื่องเมนเฟรมของ IBM,AS/400 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเครือข่าย SNA (System Network Architecture)
ข้อมูลจาก bomcs ค่ะ
Monday, 11 October 2010
ระบายสี ในโลกกว้าง
ปล่อยวางเถอะ หนูนา จะได้รู้ไว้ว่า เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับ IT Support
Thursday, 7 October 2010
วิธีการแชร์ไฟล์ใน windows 7
1. Start > Control Panel > เลือก Choose home group and sharing options
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilnrXtykMUEydCLiRJ6X_Dsh6wByoszBj7B1jvfuxvb3QjTDbcGeSByYu-58J82nTuRF7uyssEY2BiTfJS1I82K0Vpm0NIgPWlXYCkn6SXSDKmwv6noL1ixrf412MfLzH2MJZ0DkB1GFg/s320/Windows71.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTEhhKU-dXntWUV_BEiQtq3XtndCZoEpcHLW4-VI0W5vJjbEffazJxQgs4om0KrI0i1Q5D9fWEiSoNuw2D9Kk8knw-Mfa223kv8r-SKymk7aVI8O3qr3iOEDByOb559IlXs3Gglh9v8tQ/s320/Windows72.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-s_-qDmuVLhHcX-5pBi6fXmO4dRwR5cSstU-_D1Ig51NuTPpqJuAIHCpZ0bmXqQ5u188fUfjlw4rGTHFf68q1deOQW3te96dPq37fqsBpWGuY75QMEnfqgmAbhwvoZFuFYVkK9Y3kR2o/s320/Windows73.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg23L3cNRkaVXzBDoUy3W9Wf90iuOO0ozE6f8NjS8JR3BtdhuF_99ugSaMxgNJpDxFzLd5C5w9382Z0NahYo1WzLBLubt2ivpDMcxyfylmeEFgkUqFCF83KXu-mfN3D4hGHFV8YQfIVkro/s320/Windows74.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjsceWqzZsKBrzgR8WIBj4xTlZWotJOlkWAJRVFtwBcoaGs4Z3S2tITNIZBhPyccNne_DbCvcWEfaEDCze3eICK9vjmpGcCub7uJ3a8McrHFB_v66IUxLOA1FtFHzxXDyhDA1gbfNwvm8/s320/Windows75.jpg)
1. ให้คลิกขวา ที่ Folder Share windows7 แล้วเลือก Properties
2. ให้เลือก Tab Sharing
3. เลือก Advanced Setting
4. ให้ติ๊ก (√) Share this folder จากนั้นให้ใส่ Share name : ผมขอใส่ชื่อว่า share windows7
5. กด Permissions เพื่อกำหนดสิทธิ์
6. ให้สิทธิ์ Everyone เป็น Full Control นะค่ะ
7. หลังจากเรากด Share ตรงหมายเลข 7 ก็ให้ให้เราพิมพ์ Everyone ลงไปแล้วกดAddตามภาพได้เลยค่ะ
8. จาก นั้นให้เลือกตรงลูกศรสีฟ้า ว่าจะปรับให้ได้แค่ อ่านได้อย่างเดียว หรือ ทั้งอ่านและเขียน ลงได้ด้วย เมื่อปรับแล้วให้กด Share ค่ะ
9. จากนั้นมาือีกเครื่อง ได้เปิด My Computer ขึ้นมา เลือกไปยังชื่อเครื่อง computer ที่ได้เปิดเเชร์เอาไว้ Enter ก็จะเห็น Folder ที่ได้แชร์ไว้ใน windows 7 แล้วค่ะ
Monday, 4 October 2010
เซิร์ฟเวอร์ H-Root ถูกโจมตีดับนาน 18 ชั่วโมง
H-Root นั้นเป็น root DNS ตัวเดียวที่ยังให้บริการจากที่เดียวคือ Aberdeen Proving Ground ขณะที่เซิร์ฟเวอร์อื่นๆ นั้นมักทำงานเป็นกลุ่มกระจายกันไปทั่วโลกจนยากจะโจมตีจนล่มได้
การโจมตีนี้อาจจะเป็นการโจมตีที่ส่งผลกระทบหนักที่สุดนับแต่ปี 2007 ที่เคยมีความพยายามจะล่มอินเทอร์เน็ตทั้งโลกด้วยการยิง root DNS จำนวนมากอยู่นาน 12 ชั่วโมงแต่เครื่องทั้งหมดก็รอดมาได้ (ข่าวเก่า)
ยังไม่แน่ชัดว่าต้นทางการโจมตีมาจากที่ไหน