Tuesday, 26 October 2010

ความหมาย (PHP Meaning)

สวัสดีค่ะ เมื่อคืนฝนตก ฟ้าก็ร้อง นอนไม่หลับ หนูล่ะกลังฟ้าจริงๆเลย ไม่หายซักที เลยนั่งดู Harry Potter ซะเพลินเลยค่ะ วันนี้ เอาอะไรง่ายๆ มาฝากกันค่ะ นั้นก็คือ php ภาษาพีเอชพี (PHP Language) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทโอเพนท์ซอร์ท (Open Source Computer Language) สำหรับพัฒนาเว็บเพจแบบไดนามิก เมื่อเครื่องบริการได้รับคำร้องจากผู้ใช้ก็จะส่งให้กับ ตัวแปลภาษา ทำหน้าที่ประมวลผลและส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องของผู้ใช้ที่ร้องขอ ในรูปเอชทีเอ็มแอล ภาพ หรือแฟ้มดิจิทอลอื่นใด ลักษณะของภาษามีรากฐานคำสั่งมาจากภาษาซี เป็นภาษาที่สามารถพัฒนาให้ใช้งานแบบโต้ตอบกับผู้ใช้ได้

ภาษาพีเอชพี (PHP Language) มีการทำงานแบบเซอร์ฟเวอร์ไซต์สคริปต์ (Server-Side Script) จึงต้องมีเครื่องบริการ (Server) ที่ทำหน้าที่บริการการแปลภาษา และส่งผลให้กับเครื่องผู้ใช้ (Client) ที่ร้องขอด้วยการส่งคำร้องเข้ามายังเครื่องบริการ คำว่า PHP ย่อมาจาก Personal Home Page แต่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงเปลี่ยนเป็น Professional Home Page

ประวัติของภาษาพีเอชพี (PHP Language History)
ภาษาพีเอชพีถูกคิดค้นขึ้นในปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) โดย Mr.Rasmus Lerdorf เพื่อใช้ตรวจสอบสถิติการเข้าชมเว็บของตนเอง ต่อมาในปีค.ศ.1995 มีการเผยแพร่ภาษานี้สู่สาธารณะ และพัฒนาเป็น PHP/FI หรือพีเอชพีรุ่น 2 จนกระทั่งกลางปีค.ศ.1996 เริ่มมีทีมพัฒนาอย่างจริงจังโดยมี Mr.Zeev Suraski และ Mr.Andi Gutmans ร่วมทีม และพัฒนาเป็นพีเอชพีรุ่น 3

ความหมาย
- เซสชัน (Session) คือ ข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อใช้บราวเซอร์ ติดต่อเข้าเครื่องบริการ และถูกทำลายเมื่อบราวเซอร์ถูกปิดลง ข้อมูลนี้ถูกจัดเก็บในเครื่องบริการ
- คุกกี้ (Cookie) คือ ข้อมูลขนาดเล็กที่เป็น HTTP Header แบบหนึ่ง ถูกส่งจากเครื่องบริการ ไปเก็บไว้ในเครื่องของผู้ใช้ ตามที่บราวเซอร์กำหนด เพื่อบันทึกข้อมูลการเข้าเยี่ยมชม เมื่อผู้ใช้เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้ง เครื่องบริการจะใช้ข้อมูลคุกกี้ ที่มีอยู่ในเครื่องของผู้ใช้ได้ทันที

Monday, 25 October 2010

Ajax

สวัสดีค่ะ หนูหายไปหลายวันอีกเเล้ว เนื่องด้วยวันออกพรรษา หนูก็ตื่นเเต่เช้าทำบุญ ด้วยค่ะ อีกอย่าง ดู ซีรี่ย์เกาหลี เพลินเลย พระเอก คิมบอม หล่อ น่ารักมาก เลยค่ะ ตั้งหน้าตั้งตา ดูอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้อ่านหนังสือด้วยเลย ยุ่งเเต่กับ ซีรี่ย์เกาหลี สนุกค่ะ เรื่อง The women who still want to marry รับรอง เพื่อนๆ ต้องชอบเเน่นอนค่ะ วันนี้มาทำงาน เมาส์กับพี่ๆ ที่ทำงาน ว่าหล่อมาก น่ารักมาก เลยค่ะ นอกเรื่องอีกเเล้วหนู วันนี้เอาคำศัพท์ ทาง IT มาฝากค่ะ ตอนนี้ ถ้าพูดถึง Ajax เพื่อนๆ คงร้องอ๋อ เเล้วใช้มั้ยค่ะ เเต่ว่า เอามาฝาก อ่าน เล่นๆ กันนะค่ะ Ajax หรือ Asynchronous JavaScript and XML เป็นเทคนิคในการเขียนโปรแกรมของเว็บ ที่ช่วยขจัดปัญหาของการโหลดหน้าของเว็บ เพราะทุกครั้งที่เราต้องการอัพเดตหน้าเว็บ เราต้องมีการส่งและรับข้อมูลทั้งหน้า ทั้งๆ ที่เราต้องการอัพเดตเฉพาะจุด เช่น ตัวเลขดัชนีหุ้น พยากรณ์อากาศ

Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเว็บ แต่เป็นเทคนิคที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น
• HTML หรือ XHTML และ CSS สำหรับการแสดงข้อมูล
• DOM (Document Object Model) สำหรับให้ JavaScript ในการทำงานเพื่อใช้ในการแสดงไดนามิกข้อมูล
• XML และ XSLT สำหรับการส่งข้อมูลและการจัดการข้อมูล
• XMLHttpRequest เป็นออบเจ็กต์ ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์
• JavaScript คือเครื่องมือที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน

บราวเซอร์ที่สนับสนุน
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า Ajax เป็นเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรใหม่ จึงทำให้โปรแกรมบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ ในปัจจุบันสามารถทำงานร่วม กับ Ajax ได้

1. Apple Safari 1.2 หรือใหม่กว่า
2. Konqueror
3. Microsoft Internet Explorer 4.0 หรือใหม่กว่า
4. Mozilla Firefox 1.0 หรือใหม่กว่า
5. Netscape 7.1 หรือใหม่กว่า
6. Opera 7.6

สรุปก็คือ Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุดของการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชัน แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกจับมารวบอยู่ด้วยกัน Ajax ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ เพราะแม้แต่ Google ที่ได้รับการยอมรับว่ามี การพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีทางเว็บก้าวหน้าอย่างมาก ยังนำ Ajax มาใช้ในแอพพลิเคชันของตน เราในฐานะของนักพัฒนาชาวไทย เราคงต้องหันมาสนใจและนำ Ajax มาใช้มากขึ้น

Thursday, 21 October 2010

การใช้งาน VOIP

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน ช่วงนี้ บ้านเมืองเรากำลังประสบปัญหากับฝนตกหนัก ตามมาด้วยน้ำท่วม จะสังเกตุเห็นว่า หน้าด่าน ก่อนเข้า กทม. ลพบุรี อ่างทอง อุยธยา น้ำท่วมหนัก ไม่ว่าจะเป็นโคราช อีกอย่าง น้ำเหนือ กำลัง ไหลมาอีก เพื่อนๆ คิดว่า กทม. ปีนี้น้ำจะท่วมมั้ยน่า!! เป็นห่วง เหลือเกิน หนูเป็นคนอ่างทอง บ้านหนูน้ำท่วม ทุกปี ไม่มีปีไหน น้ำไม่ท่วม ท่วมไปจนกระทั่ง หน้าหนาว อากาศ โลกเราตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะเลย โลกก็ร้อน คนก็ร้อน เเล้ว โลกจะถึงคราว อวสานหรือไม่ี นั้น เราก็คงต้องค่อยดูกันต่อไป อ๋อ ไม่ใช้ดูวันอวสาน ของโลกอย่างเดียวนะค่ะ ทำทุกๆ วัน ให้ดีที่สุด อะไรที่พอจะช่วยรักษาเผ่าพันธุ์ มนุษย์ อารยธรรมของคนเรา ก็ขอให้ทำอย่างสุดความสามารถ นะค่ะ หนูรักษ์ โลก รักพระมหากาัตริย์ ทุกพระองค์ รักเเผ่นดินไทย รักเพื่อนมนุษย์ รักปะห์ รักมะห์ รักยาย รักคนในครอบครัว ทุกคน รักเพื่อนร่วมงาน รักใน IT หนูจะช่วยเท่าที่หนูจะช่วยได้ นะค่ะ อุ๊ย ! หนูนี่ชอบนอกเรื่องตลอดเลย วันนี้หนูเสนอ ที่ทำงานเกี่ยวกับ Technology ใหม่ๆ ก็ไม่เชิงว่าใหม่เท่าไหร่นะค่ะ ก็คือ VOIP เลยหาข้อมูลไว้เยอะ วันนี้นำเสนอ การใช้งานของ VOIP มาตามต่อกันเลย ค่ะ VoIP (Voice over Internet Protocal) การใช้งาน VoIP อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้สามารถประหยัดค่าบริการ Roaming เวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ ค่าบริการถูกกว่า เสียค่าบริการโทรต่างแดน(Roaming) ถึงกว่า 90% เลยทีเดียว

ปกติทำอย่างไร
ปกติแล้วเวลาเราเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับนักธุรกิจ หรือผู้ที่ไม่สามารถขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ก็จำเป็นต้องเปิดบริการ Roaming จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อถึงประเทศนั้นๆ เราก็เปิดเครื่อง หาเครือข่ายที่รับได้ แล้วก็สามารถใช้งานได้ทันที ทั้งโทรเข้า,โทรออก ค่าบริการ ที่ไม่ว่าเราจะรับสาย หรือโทรกลับเมืองไทย ค่าบริการแพง



ใช้ Calling Card ก็ถูก
การซื้อ Calling Card ที่มีขายในเมืองนอกนั้น ก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดได้มาก แต่ว่าไม่สามารถรับสายได้ และถ้าจะถูกก็ต้องโทรจากตู้สาธารณะเท่านั้น เพราะหากไปโทรจากมือถือมันก็แพงพอๆกันอยู่ดี

รับสายผ่าน VoIP ถูกกว่า สะดวกกว่า
การ By Pass เครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ (PSTN) และไปวิ่งผ่านทางเครือข่าย VoIP แทน

ทำอย่างไร

สิ่งที่ต้องมี
1.1 VoIP Gateway (FXO+FXS)ซึ่งต่อเข้ากับเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่เตรียมไว้ในข้อ 1.3
1.2 VoIP Account (บริการจากผู้ให้บริการ VoIP หรือที่เรียกว่า ITSP = Internet Telephony Service Provider) ซึ่งค่าบริการจะถูกกว่า เช่นโทรไปอเมกิการอาจจะราคาเพียง 2-3 บาท/นาที
1.3 เบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน 1 เบอร์
1.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ



ขั้นตอนการทำงาน
2.1 Divert เบอร์มือถือของท่านไปยังเบอร์บ้านในประเทศไทย เพื่อให้คนที่โทรมาหาเรา มันก็จะไปดังที่เบอร์โทรศัพท์พื้นฐานแทน(1.3)...เสียนาทีละ 3 บาทแต่ก็ถูกกว่า 100 บาทในต่างประเทศ
2.2 เมื่อมีการโทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือของเราที่ Divert ไว้ ไปยังเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่ต่อเข้ากับ VoIP Gateway ซึ่งเราได้ทำการตั้งค่าให้มันต่อสาย ผ่าน ITSP (1.2)ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ (1.4) ที่เราต้องไปซื้อเมื่อไปถึง (เราอาจจะเลือกแบบ Prepaid เพราะเอาไว้รับสายเป็นหลัก)

เท่านี้เราก็สามารถรับสายเข้าจากเมืองไทย ได้โดยเสียค่าบริการเพียงนาทีละ 5 (ค่าบริการ VoIP + ค่าบริการ Divert) ซึ่งน่าจะประหยัดกว่ามากเลยทีเดียว!!

วิธีที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก
นอกจากโทรกันปกติแล้ว เรายังสามารถรับสายที่โอนจาก Office ในเมืองไทยได้เสมือนกับเป็นเบอร์ต่อเบอร์ได้อีกด้วย โดยผู้โทรเข้าก็โทรเข้ามาที่ Office เหมือนปกติ และหากเมื่อเค้าต้องการคุยกับคนที่อยู่ต่างประเทศ ก็โอนสายไปยังเบอร์ต่อภายในที่ถูกโปรแกรม ไปยังเบอร์ต่างประเทศที่เรากำหนด ไว้ เท่านี้ก็สามารถรับสาย อย่างประหยัดและไม่เสียงานเสียการได้เหมือนกัน






Wednesday, 20 October 2010

การ Scan Disk ตรวจสอบ Harddisk สำหรับ Windows XP

สวัสดีค่ะ หายหน้าไปหลายวันอีกเเล้ว ช่วงนี้งานเยอะจัง มีผู้หวังดี ให้ไปหางานใหม่จะดีกว่า เเต่ก็ยังดีใจที่เมื่อวาน ทำ คู่มือ การใช้งานโปรแกรม CD/DVD Label ไปให้ลุกค้า ซึ่งลุกค้าตอบกลับมาได้อย่างภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
"" Thank you very much, I very impression with you services. " หนูดีใจค่ะ เเต่ หนูก็รู้ว่าต้องพยายามมากกว่านี้ มาก เอาล่ะค่ะ วันนี้นำวิธีการ scan disk มาฝากกันนะค่ะ 1. ดับเบิ้ลคลิกที่ My Computer คลิกขวาไดร์ฟที่ต้องการทำ Scan Disk เลือก Properties

2. คลิกที่แท็บ Tools จากนั้นคลิกที่ Check Now

3. คลิกเครื่องหมายถูกที่ Scan for and attempt recovery of bad sectors แล้วคลิก Start


4. รอสักครู่เครื่องจะทำการ Scan Disk


5. เมื่อเครื่องทำการ Scan Disk เสร็จก็จะรายงานได้ทราบ ให้คลิก OK



** Tips อีกหน่อยนะค่ะ

ขณะที่ทำการ Scan Disk ไม่ควรเปิดโปรแกรมใด ๆ
Automatically fix errors เป็นการกำหนดให้ทำการแก้ไขปัญหาที่พบโดยอัตโนมัติ เมื่อพบข้อผิดพลาดขึ้น

ไม่ยากเลยนะค่ะ ยังไง ก็ ลองทำกันดูนะค่ะ

Monday, 18 October 2010

ข้อดีข้อเสียของ Linux

สวัสดีค่ะ ไม่ได้มาเขียน ตั้งหลายวัน ช่วงนี้งานก็ยังยุ่ง เเละเยอะเหมือนเดิม ทางบริษัท ต้องการทำเครื่องบันทึกสินค้าเเละขายของ คิดเงิน โฮ งานเข้าเลย ต้องสอนการใช้งาน ต้องตั้งค่า เลยไม่มีเวลามาเขียนค่ะ อีกอย่าง วันอาทิตย์ก็ทำงานบ้าน ทั้งวันเลย ซักผ้าเสร็จก็เที่ยง ล้างห้องน้ำ กวาดห้อง ถูห้อง มากมายเลย เมื่อยมาถึงวันจันทร์นี้เลยค่ะ วันนี้เลยอยากหาข้อมูล อยากอ่านอะไร ในอีกเเนวนึงบ้าง เลยไปหา Linux มาให้ดูกันค่ะ ข้อดีข้อเสียของลีนุกซ์ สิ่งที่ดีๆ ที่อยู่ในลีนุกส์ ที่หาไม่ได้ในวินโดว์ 1. ลืมเรื่องไวรัสไปได้เลย
2. มีเสถียรภาพที่ดีกว่า
3. ลีนุกส์สามารถปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
4. ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
5. มีอิสระ
6. ไม่ต้องติดตั้งซอฟแวร์อะไรเพิ่มเติม
7. สามารถอัพเดทซอฟแวร์ได้ง่ายดายเพียงคลิกเดียว
8. ไม่ผิดกฏหมาย
9. ไม่ต้องค้นหาซอฟแวร์ให้เสียเวลา
10. เดสทอป ที่ล้ำสมัยกว่าด้วย 3D-Desktop
11. เลิกทำ Defragment Hard Disk (จัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสให้เป็นที่เป็นทาง) ไปได้เลย
12. สามารถมีเดสทอปตามแบบที่ตัวเองชอบได้
13. แม้จะใช้งานไปนาน ก็ยังเร็วเหมือนเดิม
14. สามารถใช้ MSN, AIM, ICQ, Jabber ด้วยโปรแกรมเพียงโปรแกรมเดียว
16. สะดวก
17. ไม่ต้องรอ Service Pack
18. ไม่ต้องเสียเวลารีสตาร์ทเครื่องบ่อยๆ
19. ไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ เพื่อที่จะได้ใช้ OS ตัวใหม่ๆ
20. มีเกมส์ฟรี ให้เล่น
21. ลีนุกส์ช่วยให้เงินไม่รั่วออกนอกประเทศ
22. โปรแกรมฟังเพลงที่ดี
23. สามารถติดตามสะภาพอากาศได้ตลอดเวลา
24. อื่นๆ อีกมากมาย (หากได้ทดลองใช้งานกัน)
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ อ่านเเล้ว รู้สึกว่า จะมาเเก้ไข os ของ windows ได้หมดทุกข้อกันเลยทีดี ค่ะ ยังไงหากสนใจใน linux ก็สามารถนำมาลงในเครื่องของเราได้นะค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน

Friday, 15 October 2010

Technomart Innomart 2010

มีข่าวประชาสัมพันธ์ มาบอกกันค่ะ กับงาน Technomart Innomart 2010 Techno Mart 2010 งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2553 สร้างสรรค์เศรษฐกิจ พิชิตความจน ประชาชนเข้มแข็ง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทย 16 - 20 ตุลาคม 2553 เวลา 10.00 - 20.00 น. ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดโดย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

http://www.most.go.th/main/

Tuesday, 12 October 2010

โปรโตคอลมาตรฐานของของระบบเครือข่าย

สวัสดีค่ะ ชาว IT ทุกท่าน วันนี้ มาทำความรู้จักกับ Protocol กันนะค่ะ วันนี้อากาศดีมากเลยอะค่ะ ฝนตก เย็นสบาย ไม่อยากลุกมาจากที่นอนเลยค่ะ นึกได้ว่าต้องมาแก้ไข computer ให้ user เลยต้องตระหนักในหน้าที่ของตนเอง ให้หนักค่ะ มีความรับผิดชอบให้มาำกๆ อยากสบายจังเลย หนูทำงาน ปีนี้เป็น ปีที่ 2 รู้สึกว่า ไม่เห็นมีอะไร กับเขาเลย เศร้าใจ ได้เเต่ระบายให้คนอื่นฟัง ว่า ขี้เกียจทำงาน อยากสบาย เเต่ได้รับคำตอบมาว่า งานคือเงิน เงินก็คืองาน มันก็จริงอย่างที่ว่า อุ๊ย นอกเรื่องไปซะไกลเลย กลับมาที่เรื่อง Protocol กันดีกว่า นะค่ะ
รู้จักกับโปรโตคอล

การที่จะให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจนั้น จำเป็นต้องมีภาษาในการสื่อสารโดยเฉพาะ สำหรับภาษาของการสื่อสารในคอมพิวเตอร์เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol) เป็นระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสาร ให้สามารถติดต่อสื่อสารกันหรือ รับส่งข้อมูลระหว่างต้นทางกับปลายทางได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด โปรโตคอลที่ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์มีอยู่มากมายหลายแบบเช่น NetBEUI ซึ่งเป็นโปรโตคอลอีกตัวหนึ่ง ที่ใช้ได้ดีในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก แต่ไม่สามารถทำงานได้เร็วมากนัก นิยมใช้ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอย่าง Windows for Work group 3.11 เป็นต้น และก็ยังมีโปรโตคอลอื่นๆ อีกมาก แต่ส่วนมากที่ใช้กันเป็นหลักก็คือโปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) TCP/IP เป็นโปรโตคอลที่ใช้กันในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าใช้ใน Home Network ได้ด้วย TCP/IP จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย การทำงาน TCP/IP จะมีการจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นขนาดย่อยๆ เรียกว่า "แพ็กเกจ" จากนั้นจึงทยอยส่งกันไปจนถึงจุดหมายปลายทาง เสร็จแล้วจึงจะรวมแพ็กเกจย่อยๆ นั้นเป็นข้อมูลต้นฉบับอีกครั้ง และมีการรับประกันความถูกต้องโดยตัวมันเอง

IP Address

การติดต่อสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP นอกจากการทำงานของ TCP/IP แล้ว ยังจำเป็นต้องมีการกำหนดเลขหมายของอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครือข่าย เพื่อเกิดการอ้างอิงโดยไม่ซ้ำกันจะได้ส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เลขหมายดังกล่าวเรียกว่า ไอพีแอดเดรส เป็นตัวเลขหลัก 4 ชุดที่คั่นด้วยจุด เช่น 192.168.0.1 ไอพีแอดเดรสก็เปรียบเหมือนกับเลขที่บ้าน โดยบ้านแต่ละหลังจะต้องมีเลขที่บ้านโดยต้องไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าซ้ำกันแล้ว บุรุษไปรษณีย์คงจะส่งจดหมายไม่ถูก สำหรับใน Home Network ของเรานี้ จะเริ่มกำหนดไอพีแอดเดรส 192.168.0.1 เป็นต้นไป เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องที่ 1 กำหนดไอพีแอดเดรสเป็น 192.168.0.2 คอมพิวเตอร์เครื่องที่ 2 มีไอพีแอดเดรสเป็น 192.168.0.2 แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ต้องไม่เกิน 192.168.0.254 ครับ (คิดว่าคงไม่มีบ้านไหนมีคอมพิวเตอร์ถึง 254 เครื่อง)

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเร็วในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล ในปัจจุบันมีมาตรฐานที่เรียกว่า Fast Ethernet หัวใจหลักของ Fast Ethernet ก็คือความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้ถึง 100 Mbps (หนึ่งล้านบิตต่อวินาที) และความเร็วขนาด 1000 Mbps หรือ 1 Gbps (พันล้านบิตต่อวินาที) และอาจถึง 10 Gbps ในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับ Home Network ที่แนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จัก และจะเริ่มลงมือปฏิบัติต่อไปนี้ จะเป็นระบบ LAN แบบ Peer to Peer ใช้รูปแบบการเชื่อมต่อแบบสตาร์ โดยใช้สาย UTP และมีอุปกรณ์เพิ่มเติมคือ ฮับ หรือ สวิตซ์ และกำหนดไอพีแอดเดรส เริ่มตั้งแต่ 192.168.0.1 เป็นต้นไป


IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) และ EIA (Electronics Association) เป็นหน่วยงานสากลที่มีหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานของการออกแบบผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ กำหนดรูปแบบ

การส่งสัญญาณ จะมีโปรโตคอลอยู่ 3 แบบ ด้วยกันคือ
• ARCnet
• Ethernet
• Token Ring
• ARCnet หรือ Attached ARCnet Resource Computing Network เป็นโปรโตคอลที่ออบแบบโดยบริษัท Data Point

ในช่วงปีคศ.1977 ใช้หลักการแบบ "Transmission Permission" ในการส่งข้อมูล จะมีการกำหนดตำแหน่งแอดเดรสของเครื่องเวิร์กสเตชั่นลงไปด้วย สามารถจะเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Bus และ Star มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลค่อนข้างน้อยเพียง 2.5 Kbps (2.5 เมกกะบิตต่อวินาที) ทำให้ไม่เป็นที่นิยมใช้งาน

Ethernet เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบโดยบริษัท Xerox ในช่วงปี คศ.1970 ใช้หลักการทำงานแบบ CSMA/CD(Carrier Sense Multiple Access With Collision Detection) ในการส่งแมสเซจไปบนสายสัญญาณของระบบเครือข่าย ถ้าหากมีการส่งออกมาพร้อมกันย่อมจะเกิดการชนกัน (Collision) ของสัญญาณ ทำให้การส่งผ่านข้อมูลต้องหยุดลงทันที CSMA/CD จะใช้วิธีของ Listen before-Transmiting คือ ก่อนจะส่งสัญญาณออกไปจะต้องตรวจสอบว่าขณะนั้นมีเวิร์กสเตชั่นเครื่องใดทำการ รับ-ส่งแมสเซจบนสายเคเบิ้ลอยู่หรือไม่? ถ้ามีก็ต้องรอจนกว่าสายเคเบิ้ลจะว่าง แล้วจึงส่งข้อมูลออกไปบนสายเคเบิ้ล

โปรโตคอล Ethernet เป็นมาตรฐานของ IEEE 802.3 สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bus และ Star โดยใช้สาย Coaxial หรือสายทองแดงคู่ตีเกลียว (UTP = Unsheild Twisted Pair) ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 10 Mpbs (10 เมกกะบิตต่อวินาที) ในปัจจุบันได้พัฒนาความเร็วเป็น 100 Mbps มีความยาวสูงสุดระหว่างเครื่องเวิร์กสเตชั่น 2.8 กิโลเมตรในการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ไปบนสายเคเบิ้ล จะใช้แบบ Machestes Encodeb Digital Base band และกล่าวถึงสัญญาณดิจิตอล 0-1 ในการส่งผ่านไปบนสายเคเบิ้ล Ethernet มีรูปแบบการต่อสายเคเบิ้ล 3 แบบด้วยกันคือ
• 10 Base T
• 10 Base 2
• 10 Base 5

10 Base T
เป็นรูปแบบในการต่อสายที่นิยมมาก "10" หมายถึงความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล (10 เมกกะบิตต่อวินาที) "Base" หมายถึง ลักษณะการส่งข้อมูลแบบ Base band ซึ่งเป็นดิจิตอล และ "T" หมายถึง Twisted Pair (สายทองแดงคู่ตีเกลียว) สรุปแล้ว 10 Base T คือ การใช้สาย Twisted Pair ในการรับ-ส่งมีความเร็ว 10 Mbps ด้วยสัญญาณแบบ Base band ปัจจุบันจะใช้สาย UTP (Unshield Twisted Pair) ซึ่งจะมีสายเส้นเล็กๆ ภายใน 8 เส้นตีเกลียวกับ 4 คู่

10 Base 2 เป็นรูปแบบต่อสายโดยใช้สาย Coaxial มีเส้นศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว เรียกว่า Thin Coaxial สายจะมีความยาวไม่เกิน 180 เมตร

10 Base 5 เป็นรูปแบบในการต่อสายโดยใช้สาย Coaxial ขนาดใหญ่ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1/2 นิ้ว เรียกว่าสาย Thick Coaxial การเชื่อมต่อละจุดจะมี Transcever เป็นตัวเชื่อมและใช้สายเคเบิ้ล AUI เชื่อมระหว่างเครื่องเวิร์กสเตชั่น สายจะมีความยาวไม่เกิน 500 เมตร

Token Ring เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบโดยบริษัท IBM ใช้มาตรฐานของ IEEE 802.5 มีระบบการติดต่อแบบ Token-Passing สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Ring และ Star มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 4/16 Mbps และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ของเครื่องเมนเฟรมได้โดย ตรง จากปัญหาที่เกิดการชนกันของสัญญาณ (Collision) เป็นเหตุให้ IBM หันมาใช้สัญญาณ Token เพื่อติดต่อระหว่างโหมด ขั้นตอนการรับ-ส่งข้อมูลแบบ Token-Passing Ring มีดังนี้

• ชุดข้อมูล Token จะถูกส่งให้วิ่งไปรอบๆ วงแหวนของเน็ตเวิร์ก ถ้ามีเวิร์กสเตชั่นเครื่องใดต้องการจะส่งผ่านข้อมูล ก็จะต้องรอจนกว่า Token นั้นว่างก่อน
• เมื่อรับ Token ว่างมาแล้ว ก็จะทำการเคลื่อนย้ายเฟรมข้อมูลต่อท้ายกับ Token นั้นแล้วส่งข้อมูลไปยังปลายทาง
• เวิร์กสเตชั่นอื่นที่ต้องการจะส่งข้อมูลก็ต้องรอจนกว่า Token จะว่าจึงจะส่งข้อมูลได้

เน็ตเวิร์กโปโตคอลที่ต้องใช้งาน
ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอ็นต์ จะใช้โปรแกรมโตคอลในการสื่อสารข้อมูล การค้นหาเส้นทางสนับสนุนการใช้บริการต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์ซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกันคือ

TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
เป็นโปรโตคอลที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1969 โดยเครือข่ายทางทหารของสหรัฐอเมริกาชื่อ ARPANET (Advanced Research Project Agency Network) เพื่อใช้กับระบบเครือข่าย WAN ต่อมาได้นำมาใช้งานเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายสาธารณะขนาดใหญ่หรืออินเตอร์เน็ต TCP/IP เป็นโปรโตคอลที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงสามารถจะค้นหาเส้นทางได้ เหมาะสำหรับใช้ในองค์กรขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ สามารถจะส่งผ่านข้อมูลข้ามระบบที่ต่างกันได้ เช่น Windows กับ UNIX หรือ Netware หรือ Linux

NetBEUI (NetBIOS Extended Use Interface)
เป็นโปตคอลที่พัฒนามาจาก NetBIOS เริ่มใช้งานประมาณปี ค.ศ.1985 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับเครือข่ายขนาดเล็ก เช่น ระบบ LAN ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 10-200 เครื่อง NetBEUI ไม่สามารถจะค้นหาเส้นทางได้ และทำการ Route ข้อมูลข้ามเครือข่ายไม่ได้ เหมาะสำหรับเครือข่าย LAN แต่ไม่เหมาะกับระบบ WAN ระบบปฏิบัติการ Windows NT และ Windows 2000 ยังสนับสนุนไคลเอ็นต์รุ่นเก่าที่ใช้โปรโตคอลตัวนี้อยู่

IPX/SPX
(Intenetwork Packet Exchange/Sequanced Packet Exchange)
เป็นโปรโตคอลที่พัฒนามาจาก XNS Protocol (ของบริษัท Xerox Corporation และทางบริษัท Novell ได้นำพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น) จะมีความสามารถในการค้นหาเส้นทางสำหรับเครือข่ายระบบ LAN และ WAN ทางไมโครซอฟท์ก็สนับสนุนโปรโตคอลตัวนี้แต่เรียกว่า NWLink IPX/SPX Compatible Transport Protocol ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Netware สามารถใช้งานฐานข้อมูล SQL Server บน Windows NT ได้ หรือการเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SNA ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Mainframe ของ IBM

DLC (Data Link Control)
เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบพัฒนาโดยบริษัท IBM เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อสื่อสารกับเครื่องเมนเฟรมของ IBM,AS/400 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเครือข่าย SNA (System Network Architecture)

ข้อมูลจาก bomcs ค่ะ

Monday, 11 October 2010

ระบายสี ในโลกกว้าง

สวัสดีค่ะ สำหรับเช้าวันจันทร์ นี้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนบล็อก เลยค่ะ งานยุ่ง อะค่ะ คอมพิวเตอร์ เสียเยอะ โน้นพัง นี่ใช้ไม่ได้ ส่งซ่อม network เล่นไม่ได้ ขอระบายสีซักหน่อยนะค่ะ ทำงานวันนี้ ตอนเช้า หัวหน้า ก็ถามว่า switch ยังไม่เก็บทีอีกหรอ เเล้วให้ย้ายโต๊ะไปนั่ง อีกที ซึ่งมันจะซ่อมคอมลำบาก เดินไม่สะดวก ไอ้เราก็บอกว่า พี่งานหนูก็เยอะ ก็เลยยังไม่ได้ทำ "อะไรก็เเค่ ซ่อมคอม" ดูพูดดิ ไม่ให้เกียรติ IT Support อย่างเราเลย ใช้มั้ย อย่างนี้ต้องปล่อยให้ทำไปเลย ฟังเเล้วขึ้นเลย น่าเบื่อ ที่สุด งานของตัวเอง ยังให้คนอื่นเขาตามทวงอยู่เลย
ปล่อยวางเถอะ หนูนา จะได้รู้ไว้ว่า เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับ IT Support

Thursday, 7 October 2010

วิธีการแชร์ไฟล์ใน windows 7

สวัสดีค่ะ หายไปหลายวัน ช่วงนี้งานเยอะ อย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้นั่งติดโต๊ะทำงานเลย ทั้งงานราช งานหลวง เยอะไปหมด อยากจะมาเขียน บล็อกใจจะขาด หาเวลาไม่ได้เลย นี่งานก็ยังค้างอยู่เลย นะค่ะ เเต่ว่า อยาก มาเขียน ทำไงได้ อิอิ วันนี้ นำ วิธีการแชร์ไฟล์ใน windows 7 มาฝากกัน ค่ะ จากที่อ่านๆ มา จะเห็นว่า อะไร ก็ windows xp วันนี้เลย เอาใจคนที่ใช้งาน windows 7 กันซะหน่อย ค่ะ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากอะไร มากนะค่ะ เพื่อน ทำกันได้อย่างเเน่นอน มีรูปภาพประกอบค่ะ มาเริ่มกันเลยนะค่ะ
1. Start > Control Panel > เลือก Choose home group and sharing options



2.เลือก Change advanced sharing setting



3.จากนั้นให้เลือก Public (Current profile)



4. หัวข้อ File and Printer sharing ให้เป็น Turn on



5. ในส่วนของ Password protected sharing ก็ให้ปรับเป็น Turn Off และทำการกด Save



6. สร้าง Folder Share windows 7 เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อธิบายตามหมายเลขในรูปนะค่ะ

1. ให้คลิกขวา ที่ Folder Share windows7 แล้วเลือก Properties
2. ให้เลือก Tab Sharing
3. เลือก Advanced Setting
4. ให้ติ๊ก (√) Share this folder จากนั้นให้ใส่ Share name : ผมขอใส่ชื่อว่า share windows7
5. กด Permissions เพื่อกำหนดสิทธิ์
6. ให้สิทธิ์ Everyone เป็น Full Control นะค่ะ

7. หลังจากเรากด Share ตรงหมายเลข 7 ก็ให้ให้เราพิมพ์ Everyone ลงไปแล้วกดAddตามภาพได้เลยค่ะ


8. จาก นั้นให้เลือกตรงลูกศรสีฟ้า ว่าจะปรับให้ได้แค่ อ่านได้อย่างเดียว หรือ ทั้งอ่านและเขียน ลงได้ด้วย เมื่อปรับแล้วให้กด Share ค่ะ


9. จากนั้นมาือีกเครื่อง ได้เปิด My Computer ขึ้นมา เลือกไปยังชื่อเครื่อง computer ที่ได้เปิดเเชร์เอาไว้ Enter ก็จะเห็น Folder ที่ได้แชร์ไว้ใน windows 7 แล้วค่ะ


เพียงเท่านี้ก็สามารถ ดึงข้อมูลที่ต้องการใน windows 7 ได้เเล้วค่ะ

Monday, 4 October 2010

เซิร์ฟเวอร์ H-Root ถูกโจมตีดับนาน 18 ชั่วโมง

สวัสดีค่ะ วันนี้ หนูมาด้วยความอ่อนล้า กับการทำงานเหลือเกิน เมื่อวันเสาร์ ที่บริษัท ทำความสะอาดใหญ่ หนูเลยงานใหญ่เลย ต้องเดินสาย LAN ใหม่ ให้แผนก graphic ต้องเก็บของ IT ขยะ IT มันเยอะมากเลยค่ะ เเต่ในแผนกหนูก็ช่วยกัน เป็นอย่างดี มาทำงานวันจันทร์ งานก็เยอะ ใช้จะเบา เเต่ก็ทำกันไป รู้สึกว่า หนูกำลัีงจะหมดเเรง เเล้วค่ะ วันนี้ เข้าไปอ่าน blognone เอาอะไรใหม่ๆ มา update กันนะค่ะ เมื่อวานที่่ผ่านมา H-Root ซึ่งเป็น 1 ใน 13 เซิร์ฟเวอร์ต้นทาง DNS ของทั้งโลกถูกโจมตีจนให้บริการไม่ได้ไปถึง 18 ชั่วโมง เรื่องนี้อาจจะไม่น่าตกใจเท่ากับว่า H-Root นั้นดำเนินการโดยห้องวิจัยของกองทัพบกสหรัฐฯ

H-Root นั้นเป็น root DNS ตัวเดียวที่ยังให้บริการจากที่เดียวคือ Aberdeen Proving Ground ขณะที่เซิร์ฟเวอร์อื่นๆ นั้นมักทำงานเป็นกลุ่มกระจายกันไปทั่วโลกจนยากจะโจมตีจนล่มได้

การโจมตีนี้อาจจะเป็นการโจมตีที่ส่งผลกระทบหนักที่สุดนับแต่ปี 2007 ที่เคยมีความพยายามจะล่มอินเทอร์เน็ตทั้งโลกด้วยการยิง root DNS จำนวนมากอยู่นาน 12 ชั่วโมงแต่เครื่องทั้งหมดก็รอดมาได้ (ข่าวเก่า)

ยังไม่แน่ชัดว่าต้นทางการโจมตีมาจากที่ไหน