Thursday, 25 November 2010

ระบบไฟฟ้า ของ พาวเวอร์ซัพพลาย

ประสิทธิภาพและความมี เสถียรภาพของการทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องคิดถึง เมื่อต้องการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์สักครั้งหนึ่ง และอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่มีการกล่าวถึงกันนั้น คือพาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) ที่เปรียบเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายคนเรา
พาวเวอร์ ซัพพลาย หรือเรียกว่า Swiching Power Supply เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ อย่างมากต่ออุปกรณ์เกือบทุกตัวในระบบคอมพิวเตอร์ เพราะถ้าไม่มีแหล่งจ่ายพลังงานให้อุปกรณ์ต่างๆ ก็จะไม่สามารถทำงานได้ ที่สำคัญในหลักปฏิบัติพื้นฐานของช่างคอมพิวเตอร์, ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นตรวจสอบที่ภาคจ่ายไฟ หรือพาวเวอร์ซัพพลายนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะไปตรวจเช็ตในส่วนอื่นๆ ต่อไป


ประเภทของ Power Supply แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ
1. AT เป็นพาวเวอร์ที่นิยมใช้กันในประมาณ 4-5 ปีก่อน (พ.ศ. 2539) โดยปุ่มเปิด - ปิด การทำงานเป็นการต่อตรงกับแหล่งจ่ายไฟ ทำให้เกิดปัญหากับอุปกรณ์บางตัว เช่น ฮาร์ดดิกส์ หรือซีพียู ที่ต้องอาศัยไฟในชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดเครื่อง (วิธีดูง่ายๆ จัมีสวิตซ์ปิดเปิด จากพาวเวอร์ซัพพลายติดมาด้วย)
2. ATX เป็นพาวเวอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยมีการพัฒนาจาก AT โดยเปลี่ยนปุ่มปิด - เปิด ต่อตรงกับส่วนเมนบอร์ดก่อน เพื่อให้ยังคงมีกระแสไฟหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ก่อนที่จะปิดเครื่อง ทำให้ลดอัตราเสียของอุปกรณ์ลง โดยมีรุ่นต่างๆ ดังนี้
• ATX 2.01 แบบ PS/2 ใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปที่ใช้ตัวถังแบบ ATX สามารถใช้ได้กับเมนบอร์ดแบบ ATX และ Micro ATX
• ATX 2.03 แบบ PS/2 ใช้กับคอมพิวเตอร์แบบ Server หรือ Workstation ที่ใช้ตัวถังแบบ ATX (สังเกตว่าจะมีสายไฟเพิ่มอีกหนึ่งเส้น ที่เรียกว่า AUX connector)
• ATX 2.01 แบบ PS/3 ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตัวถังแบบ Micro ATX และเมนบอร์ดแบบ Micro ATX เท่านั้น

การทำงานส่วนต่างๆ ของพาวเวอร์ซัพพลาย
v1. ไฟกระแสสลับขาเข้า (AC Input) พลังงานไฟฟ้าในส่วนนี้ จะมาจากปลั๊กไฟ โดยที่รู้แล้วว่าไฟ ที่ใช้กันอยู่จะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีขนาดแรงดัน 220v ความถี่ 50 Hz เมื่อเสียบปลั๊กไฟกระแสไฟฟ้า ก็จะวิ่งตามตัวนำเข้ามายังเครื่องใช้ไฟฟ้า

2. ฟิวส์ (Fuse) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ ในการป้องกันวงจรพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดให้รอดพ้น อันตราย จากกระแสไฟแรงสูงที่เกิดขึ้นจากการถูกฟ้าผ่า หรือกระแสไฟฟ้าแรงสูงในรูปแบบต่างๆ โดยหากเกิดกระแสไฟฟ้าแรงสูงเกินกว่าที่ฟิวส์จะทนได้ ฟิวส์ตัวนี้ก็จะตัดในทันทีทันใด

3. วงจรกรองแรงดัน วงจรกรองแรงดันนี้จะทำหน้าที่กรองแรงดันไฟไม่ว่าจะเป็นแบบกระแสสลับ หรือกระแสตรงก็ตาม ที่เข้ามาให้มีความบริสุทธิ์จริงๆ เพื่อป้องกันแรงดันไฟที่ผิดปกติเช่นไฟกระชาก ซึ่งจะเป็นผลให้วงจรต่างๆ ในพาวเวอร์ซัพพลายเกิดความเสียหายขึ้นได้

4. ภาคเรคติไฟเออร์ (Rectifier) หลังจากที่ไฟกระแสสลับ 220v ได้วิ่งผ่านฟิวส์ และวงจรกรองแรงดันเรียบร้อยแล้วก็จะตรงมายังภาคเรคติไฟเออร์ โดยหน้าที่ของเจ้าเรคติไฟเออร์ ก็คือ การแปลงไฟกระแสสลับ ให้มาเป็นไฟกระแสตรง ซึ่งก็ประกอบไปด้วย
• ตัวเก็บประจุ (Capacitor) จะทำหน้าที่ทำปรับให้แรงดันไฟกระแสตรงที่ออกมาจากบริดเรคติไฟเออร์ ให้เป็นไฟกระแสตรงที่เรียบจริงๆ
• ไดโอดบริดจ์เรคติไฟเออร์ (Bridge Rectifier) ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของตัว IC หรือแบบที่นำไดโอด 4 ตัวมาต่อกันให้เป็นวจรบริดจ์เรคติไฟเออร์

5. วงจรสวิตชิ่ง (Switching) เป็นวงจรที่ใช้ในการทำงานร่วมกับวงจรควบคุม (Control Circuit) เพื่อตรวจสอบว่าควรจะจ่ายแรงดันทั้งหมดให้กับระบบหรือไม่ โดยถ้าวงจรควบคุมส่งสัญญาณมาให้กับวงจรสวิตซิ่งว่าให้ทำงาน ก็จะเริ่มจ่ายแรงดันไฟฟ้า ที่ได้จากภาคเรคติไฟเออร์ไปให้กับหม้อแปลงต่อไป

6. หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) หม้อแปลงที่ใช้ในวงจรสวิตชิ่งซัพพลาย จะเป็นหม้อแปลงที่มีหน้าที่ในการแปลงไฟ ที่ได้จากภาคสวิตชิ่ง ซึ่งก็รับแรงดันไฟมาจากภาคเรติไฟเออร์อีกต่อหนึ่ง โดยแรงดันไฟฟ้ากระแสงตรงที่มีค่าแรงดันสูงขนาดประมาณ 300 v ดังนั้นหม้อแปลงตัวนี้ก็จะ ทำหน้าที่ในการแปลงแรงดันไฟกระแสตรงสูงนี้ให้มี ระดับแรงดันที่ลดต่ำลงมา เพื่อที่จะสามารถใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ก่อนที่จะส่งไปให้วงจรควบคุมแรงดันต่อไป

7. วงจรควบคุมแรงดัน (Voltage Control) เป็นวงจรที่จะกำหนดค่าของแรงดันไฟฟ้า กระแสตรงที่ได้รับมาจากหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อที่จะให้ได้ระดับแรงดันที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยค่าของระดับแรงดันไฟฟ้านี้ก็จะมีขนาด 5v และ 12v สำหรับพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับเมนบอร์ดแบบ AT แต่ถ้าเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับเมนบอร์ดที่เป็นแบบ ATX ก็จะต้องมีวงจรควบคุมแรงดันให้ออกมามีขนาด 3.3v เพิ่มอีกหนึ่ง (ซึ่งซีพียูรุ่นเก่าที่ใช้แรงดันไฟขนาด 3.3 v นี้ก็สามารถที่จะดึงแรงดันไฟในส่วนนี้ไปเลี้ยงซีพียูได้เลย)

8. วงจรควบคุม เป็นวงจรที่ใช้ในการควบคุมวงจรสวิตชิ่ง ว่าจะให้ทำการจ่ายแรงดันไปให้กับหม้อแปลงหรือไม่ และแน่นอนว่าในส่วนนี้จะทำงานร่วมกับวงจรลอจิกที่อยู่บนเมนบอร์ด เมื่อวงจรลอจิกส่งสัญญาณกลับมาให้แก่วงจรควบคุม วงจรควบคุมก็จะสั่งการให้วงจรสวิตชิ่งทำงาน

วิธีการเลือกซื้อ

1. เลือกดูกำลังวัตต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเครื่องแต่ละคน (ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่ากำลังวัตต์ที่ปรากฏอยู่มีกำลังวัตต์จริง หากไม่มีเครื่องมือวัดให้ใช้หลักการง่ายๆ ในการตรวจสอบ คือตรวจสอบน้ำหนักของพาวเวอร์ซัพพลายนั้น เพราะถ้ามีน้ำหนักมากหมายถึงอุปกรณ์ภายใน เช่น หม้อแปลงแรงดันไฟฟ้ามีขนาดใหญ่ หรือตัวเหนี่ยวนำจะมีขนาดใหญ่)

2. ดูสภาพจากกล่องภายนอกว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบเบี้ยว

3. สายไฟ ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ปลั๊กไฟมีจำนวน 6-9 หัว (ขึ้นอยู่กับรุ่น) และอยู่ในสภาพสมบูรณ์)

4. มาตรฐานรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานต่างๆ เช่น FCC/ CE/ UL/ TUV เป็นต้น

Wednesday, 17 November 2010

ระบายสี ในโลกกว้าง

สวัสดีค่ะ วันนี้ หนูมาทำงาน ขี้เกียจสุดๆ เลยค่ะ ว่าจะลาหยุดซะหน่อย เเต่ไม่เอาดีกว่า เอาไว้ หยุดวันเสาร์ สิ้นเดือน ดีกว่า เนอะ อิอิ เเล้ว วันนี้ ไม่อยากทำงานอะไรเลย เบื่อจัง อยากหารายได้เสริม ไม่รู้จะหาจากทางไหนดี เพื่อนๆ มีอะไร มาเสนอ ได้นะค่ะ วิธีที่จะทำให้ มีรายได้เพิ่มขึ้น หนูทำงาน มา เข้าปีที่ 2 เเล้ว ยังไม่มีอะไรกับเขาเลย เช่าหอ มา 4 กว่าปีเเล้ว เงินเก็บก็ยังไม่มี ทำไงดี เนี่ย หนูยึดติดกับวัตถุไปหรือป่าว น่า !!! เเต่ หนูอยากมีความสุขนี่ค่ะ เห็น คนอื่นเขามี โน้น มีนี่ เราก็อยากมีกับเขามั้ง หนูไม่รู้จะระบาย ให้ใครฟัง จนทุกวันนี้ หนูก็ขอบคุณ โลกใบนี้ที่มี internet ให้ ระบายสี นะค่ะ หนูสัญญา ว่าหนูจะระบายสี ให้ดี ไม่ระบายสีเลอะเทอะ ค่ะ
วันนี้ก็ยังคงต้องทำงาน โลกเรา็ก็ยังคงหมุนไปเรื่อยๆ เราทุกคนก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไป หนูควรต้อง ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานต่อไป เพื่อ ชีวิต เพื่อการดำรงอยู่ ในสังคม ต่อไป

Tuesday, 16 November 2010

Firewall ระดับองค์กร

สวัสดีค่ะ ทุกๆท่าน หนูหายไปอีกเเล้ว ด้วยความขี้เกียจค่ะ อิอิ บางทีก็ท้อ นะค่ะ ไม่เห็นมีใครเข้ามาอ่านมั้งเลย หนูอยากจะทำ Google Ad sense นะค่ะ เลยทำ blog ขึ้นมา สงสัย จะไม่ประสบผลสำเร็จ เเต่ยังไง หนูก็จะทำต่อไปค่ะ เพื่อให้ความรู้เเก่ ผู้ที่สนใจ นะค่ะ วันนี้ เอา firewall มาฝากกันค่ะ หนูอยากหารายได้เสริม จัง หาทางไหนดีนะ ยังไง ก็ต้องทำงานต่อไป เพื่ออนาคตที่ดี สำหรับตัวเอง เอาล่ะค่ะ หนูนอกเรื่องมาไกลเเล้ว กลับมากันต่อนะค่ะ ถ้าพูดถึง firewall ผู้ใช้งาน windows xp service pack 2 คงจะเห็นกันบ่อยๆ หน้าที่หลัีกๆ ของมันคือทำหน้าที่ ป้องกันการบุกรุกจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต เข้่าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของเรา เเละโดยเฉพาะองค์กร ข้อมูลต่างๆ ภายในองค์กร เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งเราจะใช้ ของ windows ก็ึคงจะไม่สามารถป้องกัน ได้ดี จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ เสริม firewall ขึ้นค่ะ หนูเลยหา ข้อมูลมาเพิ่มเติมให้

ทำความรู้จัึกกับ Check point
Check point เป็นแบรนด์หนึ่ง ที่ผลิตอุปกรณ์ทางด้าน Security เช่น Check point UTM-1 Appliance อุปกรณ์ตัวนี้ทำหน้่าที่เป็น firewall การใช้งานเเละการติดตั้ง ง่าย ในลักษณะ plug and play สำหรับเรื่องการนำไปใช้งาน นั้นต้องดูไปถึง องค์กร ว่ามีการตั้งระดับการรักษาึความปลอดภัยไว้ขั้นไหน หรือ ระบบ Network ภายในกำหนดไว้อย่างไร

ความสามารถของ Check point UTM-1 Appliance
- ทำหน้าที่เป็น firewall
- มีความยืดหยุ่นในการบริหาร จัดการ ทำงานด้วยระบบ Web base
. Firewall software blade
. IPSec VPN software blade
. Anti virus Anti Malware software blade
. URL Filtering software blade (บล็อกการใช้งานบางเว็บไซต์ได้)
. การบริหารจัดการ จากจุดศูนย์กลาง - Centralized Management
. Update จากจุดศูนย์กลาง - Centralized Updates
. ง่ายในการติดตั้ง

UTM คืออะไร
UTM ย่อมาจาก Unified threat management การรวมระบบ Security ต่างๆ เข้าด้วยกัน เรียกว่าเป็น "Security Total Solution" ก็ว่าได้ ซึ่งประกอบด้วย
- Network fire walling
- Network intrusion prevention
- Gateway anti virus (AV)
- Gateway anti spam
- VPN
- Content filtering
- Load balancing
- On-appliance reporting

หากต้องการศึกษาได้จาก www.checkpoint.com



Thursday, 11 November 2010

ระบายสี ในโลกกว้าง

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เขียน มาหลายวัน ที่ทำงาน virus เข้าคอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายเครื่อง ทำให้ไม่ค่อยมีเวลา มาเขียนค่ะ อยากระบายสี ค่ะวันนี้ เช้ามาทำงาน พี่สาวในที่ทำงาน เปิดเพลง เเย่งแฟนของ ปาน จะสื่ออะไร ให้เราฟังหรือเปล่า หรือว่าเราคิืดมากไปเอง นะ เเต่เข้าทำเเบบนี้ หนูไม่รู้จะคิดยังไงดี เเต่อยากจะเดินไปบอกกับเข้าจัง ว่าอย่าเอาหนูไปเีกี่ยวกับเกมส์รักของเขาทั้งสอง หรือว่าผิดที่เรา วางตัวไม่ดี ทำให้เขาคิดเเบบนั้น นะ มันทำให้หนูไม่อยากไปเที่ยวปีใหม่ เลย อยากให้เป็นเหมือนตอนเเรกๆ จัง เเต่ก็ทำไงได้ ในเมื่อมันมาเเบบนี้เเล้ว หนูต้องใจเย็น วางตัวให้ดี มีคนหวังดีบอกกับหนูว่า "ใจเราร่มเย็นเป็นพอ"

Monday, 8 November 2010

ความแตกต่างระหว่าง NTFS กับ FAT32

สวัสดีค่ะ หนูหายไปอีกเเล้ว ได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ เวลาว่างเยอะ เลยค่ะ ออกไปข้างนอกช่วยงานที่บ้าน ดูซีรี่ย์เกาหลี อีกเเล้ว ไม่ได้เเตะคอมพิวเตอร์เลย รู้สึก ว่าอยู่กับมันเกินไป เลยพักการเล่น คอมพิวเตอร์ไปค่ะ เมื่อคืนไม่ได้นอนอีกเเล้ว เช้านี้ จึงมีอาการ เพลีย ไม่ไหวเลย พักผ่อนน้อย ด้วยค่ะ วันนี้นำบทความ เกี่ยวกับ NTFS กับ FAT32 มาเล่าให้ฟังกันค่ะ NTFS (New Technology File System)
- ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบ ปฏิบัติการ Windows NT โดยเฉพาะ
- เป็น ระบบไฟล์ที่ออกแบบเพื่อให้มีศักยภาพ ในการประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการ เครือข่ายที่ต้องมีการควบคุมระบบความปลอดภัย
- สนับสนุนการตั้งชื่อไฟล์หรือ ไดเร็คทอรี่แบบยาว ได้ถึง 255 ตัวอักษร
- NTFS มีข้อดีคือ
1.มีความสามารถในการบีบอัดข้อมูล (File Compression)ให้ได้พื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น โดยไฟล์ที่เก็บข้อมูลเป็นตัวอักษรจะบีบอัดได้ประมาณ 50 % ถ้าเป็นไฟล์แบบ .exe จะประหยัดเนื้อที่ได้ประมาณ 40 %
2.มีความสามารถในการกำหนดสิทธิ์ (Permission) การเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน ว่าให้ใครเข้าถึงข้อมูลไฟล์ไหนได้บ้าง แล้วสามารถอ่านได้อย่างเดียวหรือ แก้ไขได้ด้วย
3.มีความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลได้
4.NTFS สามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันได้ใหญ่กว่า แบบ FAT ในทางทฤษฎีสามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันรวมกันได้ถึง 16 Exabyte (EB) แต่ในทางปฎิบัติ สามารถรองรับขนาดของไฟล์ได้ 4-64 GB ส่วนขนาดของพาร์ติชันรองรับได้ 2 TB
5.มีความสามารถจัดการกับ Cluster ที่เกิดปัญหา ซึ่งจะใช้วิธีการที่เรียกว่า Bad- Cluster Mapping คือเมื่อระบบพบว่ามี Bad Sector บน Hard disk ก็จะจัดหา Cluster ใหม่แล้วย้ายข้อมูลจาก Cluster เก่ามาใส่ให้โดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกำหนด Cluster เก่าเป็น Bad Sector
•ใน ระบบ FAT จะ ไม่สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และไม่มี Feature ในเรื่องของการ รักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึง ข้อมูล ซึ่งต่างกับระบบ NTFS
•ข้อเสียของ ของ NTFS ในยุคของ Windows NT คือไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็น File System แบบ FAT และในทางกลับกันระบบ FAT ก็จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น NTFS ไม่เห็นเช่นกัน
•แต่เมื่อมีระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP ทำให้ฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS สามารถมองฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ FAT ได้ เพราะ ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP มีความสามารถในการสนับสนุน File System ทั้งแบบ FAT และ NTFS ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP สามารถที่จะมองฮาร์ดดิสก์ทั้งแบบ NTFS และ FAT

ถ้า Shutdown ไม่ถูกวิธี (FAT32) จะต้องมา check disk กันทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็น NTFS มันจะไม่ค่อย check disk ยกเว้นกรณีที่ Map และ Index ของ NTFS เกิดเสียหายถึงจะ check disk

File Fat32 ที่ Boot Dos เห็น Ntfs ได้ ชื่อไฟล์ NtfsDosPro

ถ้า file ใหญ่กว่า 2G NTFS ดีกว่าจะได้ไม่ต้องตัดแบ่งเป็นหลาย file เหมือนใน fat32

ข้อเสียของ FAT 32
1. ไม่สับสนุนการทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการอื่น รวมถึงวินโดวส์ 95 เวอร์ชันเดิม และวินโดวส์เอ็นที 4.0
2. ในการใช้โปรแกรม Utility ที่จัดการกับดิสก์ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบโปรแกรมนั้นว่าสนับสนุนระบบ FAT32 หรือไม่ ถ้าไม่สนับสนุน หรือไม่ได้ตรวจสอบแล้วผู้ใช้ใช้โปรแกรมนั้นกับฮาร์ดดิสก์ที่ เป็น FAT32 จะทำให้เกิดความเสียหายกับข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ โดยไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมา สำหรับโปรแกรมวินโดวส์ 95 OSR2 นั้นจะมีซอฟต์แวร์ Fdisk, Format, Scandisk และ Defrag ที่สนับสนุน FAT32 แต่มีซอฟต์แวร์ 1 ตัวในวินโดวส์เวอร์ชันนี้ที่ไม่สนับสนุน FAT32 คือ DriveSpace3 ดังนั้นจึงห้ามใช้ซอฟต์แวร์นี้กับฮาร์ดดิสก์ที่เป็น FAT32 เป็นอันขาด


1. ถ้าใช้ "Windows Me" ต้องใช้ FAT32 เพราะว่ามันจะมองไม่เห็น NTFS
2. แต่ถ้าใช้ "Windows XP" หรือ "Windows 2000" มีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ ได้ทั้ง NTFS หรือ FAT32
3. ดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย หากใช้HDD โดยไม่มีโอกาสที่จะนำ HDD ไปต่อพ่วงกับเครื่องอื่นเพื่อถ่ายข้อมูล โดยที่เครื่องอื่นใช้ Windows Me อยู่ก็ใช้ NTFS ก็ได้ โดยข้อดีของ NTFS ทางเทคนิคเหนือกว่า FAT32 แต่ในทางกลับกัน ยังมีความจำเป็นในอนาคตที่จะต้องนำHDD ตัวนี้ไปถ่ายข้อมูล

FAT16 คือระบบที่ใช้ในสมัยคอมเรานั้นยังเป็นไฟล์ระบบ 16-bit ใช้ตั้งแต่ Win95,NT4.0ลงมา FAT32 32-bit ตั้งแต่ Win98ขึ้นไป


ส่วน Cluster จะแบ่งตามขนาดของพาร์ติชั่น เช่น น้อยกว่า 260 Megabyte Cluster 512 byte ,260-511 Megabyte Cluster 4 kilobyte ,512-1023 Megabyte Cluster 4 kilobyte ที่กล่าวมาเป็นของFAT32 ส่วน NTFS ไม่รู้มันกำหนดยังไง แต่ว่า Defualt มันที่ 4KB ไม่เชื่อลองไป My com.. คลิกขวาที่ไดร์เลือก Format ดูที่ Allocation unit size จะตั้งให้เห็นว่า 4,096 Bite = 4Kb นั่นเอง (เวลา Format window... มันก็ตั้ง ที่4Kb) Cluster มากน้อยดียังไงอันนี้ผมไม่รู้ ที่บอกว่า Fat32 มันก็อบข้อมูลไม่ได้อาจเป็นเพราะว่ามันมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่ หรือว่า ชื่อไฟล์หรือ ไดเร็คทอรี่ มันยาวเกินไป ประมาณนั้น

ข้อดีNTFS
จาก ข้อดีNTFS ข้อ2 ที่กล่าวมา ลองสังเกตุว่า ถ้า user account มันมีการเข้ารหัส ถ้ามีผู้ใดขโมย Hard disk ไปใส่เครื่องอื่น เวลาที่อ่านแฟ้มข้อมูลที่มีการเข้ารหัส มันจะไม่สามารถเข้าได้

NTFS มี Indexing service เป็นระบบที่ช่วยเข้าถึงข้อมูลรวดเร็วขึ้น XP ตั้งเป็น Defualt อยู่แล้วแต่สามารถยกเลิกได้ ส่วน Vista มันเหมือนบังคับ เพราะว่า Vista นำ ระบบนี้มาเป็นปัจจัยหลักในระบบปฎิบัติการ Vista ถ้าลองยกเลิกดูแล้วลอง รีเครื่องที่ เดียวดับเครื่องจะไม่สามารถบูทเข้า Vista ได้
-NTFS เร็วกว่า FAT32

Friday, 5 November 2010

Mode แต่ละโหมดของ Wireless Access Point

สวัสดีค่ะ หายไปหลายวัน อากาศก็เย็น ๆ นะค่ะใน กรุงเทพ ได้เจอเพื่อนๆ ใน facebook สมัย ม.ปลาย เเต่ละคนก็ทำงาน กันที่บ้านเกิด กันทั้งนั้นเลย มีเเต่เรา มาหาประสบการณ์ในเมืองหลวง ไม่ได้ไปทำประโยชน์ กับบ้านเลย ที่หายไปหลายวัน หนูมีงานเยอะ ค่ะ ต้องขอโทษด้วย อากาศช่วงนี้ ดีนะค่ะ เย็นสบายดีค่ะ อีกอย่าง หนูติด ซีรี่ย์เกาหลี ซะเเล้วซิค่ะ อิอิ ข่าว it เลยไม่ได้ติดตามเลย อ๋อ ยังมีงาน com mart ที่ศูนย์สิริกิติ์ ค่ะ น่าสนใจดีนะค่ะ ยังไง เพื่อนๆ ว่างๆ ก็ไปเดินดูงานกันได้ค่ะ หนูว่าจะไปพรุ่งนี้ เเต่ก็ยังไม่เเน่ใจ ว่าจะไปหรือเปล่า วันหยุดหนูชอบทำงานบ้าน ซักผ้า กวาดห้อง ล้างห้องน้ำ ทำกับข้าว ไม่อยากออกไปไหนเลย เอามาเข้าเรื่องเลยดีกว่าค่ะ
วันนี้ขอพูดถึง mode ของ wireless access point ค่ะ โดยทั่วๆไป Wireless Access Point จะมี Mode 4 - 5 Mode
1. Access Point Mode โหมดนี้ เป็นเพียงโหมดเดียวที่ให้เครื่องลูกข่าย เชื่อมโยงเข้ากับ Access Point ได้ นอกจากนั้นจะเป็นการเชื่อมกันระหว่าง Access Point ด้วยกันเอง

2. Wireless Client Mode โหมดนี้จะทำให้ Access Point กลายเป็นลูกข่ายเครื่องนึง ของ Access Point อีกอันหนึ่ง ส่วนมากเราจะใช้โหมดนี้ในการเชื่อมต่อระบบ Wired Network เข้ากับระบบ Wireless Network
3. Wireless Bridge โหมดนี้ ในการเชื่อมต่อ Network 2 Network เข้าด้วยกันแบบ Wireless โดยทั่วไปเราจะใช้ในการเชื่อมต่อ Network ระหว่างตึก 2 ตึกที่อยู่ไม่ไกลกัน อย่างไรก็ตาม การใช้โหมดนี้ ส่วนใหญ่แล้ว อุปกรณ์ที่ 2 ฝั่งต้องเป็นยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เช่น ถ้าฝั่งหนึ่งเป็น DWL-2000AP+ อีกฝั่งนึงก็ต้องเป็น DWL-2000AP+ เหมือนกัน
4. Multi-point Bridge โหมดนี้จะเหมือนกับ Wireless Bridge เพียงแต่ว่าโหมดนี้จะเป็นการเชื่อมมากกว่า 2 Network และก็เหมือนกับ Wireless Bridge การใช้โหมดนี้ ส่วนใหญ่แล้ว Access Point ทุกตัวที่ใช้ ต้องเป็นยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน
5. Repeater Mode โหมดนี้เป็นเหมือนการขยายระยะส่งของระบบ Wireless LAN โดยติดตั้ง Access Point เพิ่มขึ้น บริเวณที่สัญญาณของ Access Point ตัวหลักเริ่มจาง ทำให้สามารถเพิ่มระยะส่งของทั้งระบบออกไป