ป้องกันไวรัสที่มาพร้อม ทัมฟ์ไดร์ฟ หรือ flash Drive
Flash Drive ทัมฟ์ไดร์ฟหรือแฮนดี้ไดร์ฟ (แล้วแต่จะเรียกนะ) เวลาเสียบพวกนี้ผ่าน usb port กด shift ที่ key board ค้างเอาไว้ เพื่อป้องกันการ auto run ของไวรัส
- auto run คือ เมื่อเสียบ flash drive ไปแล้วก็จะเล่นเอง เช่น แผ่น driver หรือ
windows เมื่อใส่ไปแล้วจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา
- การทำ auto run นั้น ทำไดง่ายๆเพียงสร้างไฟล์
AUTORUN.INF ข้างในมีแค่ 2-4 บรรทัดแล้วแต่จะให้แสดงอะไรยกตัวอย่างเช่น
ไฟล์ชื่อ AUTORUN.INF เมื่อเข้าไปจะพบ
open=setup.exe --- หมายถึง เมื่อใส่แผ่นเข้าไปหรือดับเบิ้ลคลิกให้ไปเปิดไฟล์ setup.exe แทนที่จะเข้าไปแบบ Explorer
icon=logo.ico -------- หมายถึง ให้ใช้ icon ของแผ่นนี้จากรูป logo.ico
แค่นี้เมื่อเวลาใส่แผ่นเข้าไปก็จะเกิดการ auto run หรือ auto play
ไวรัสจะอาศัยช่องทางนี้ได้อย่างไร
** ก็เพียงแต่สร้างเจ้า AUTORUN.INF ไว้ใน flash drive ของท่าน แล้วสั่งให้เปิดไวรัสอีกตัวอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆดังนี้ค่ะ
open=virus.exe --- หมายถึง เมื่อดับเบิ้ลคลิก หรือเสียบเฟรตไดร์ฟ ก็จะสั่งให้เปิดไวรัสทันที ก็จะติดทันที
การป้องกัน ก็เวลาเสียบไดร์ฟให้กด shift ค้างไว้ตอนเสียบไฟล์ auto run จะไม่ทำงานนะค่ะ
และระวัง อย่าขี้สงสัย อย่ากดอะไรโดยไม่รู้ เพราะจะทำให้ไม่ปลอดภัยจากไวรัสไวร้ายค่ะ
Tuesday, 31 August 2010
Monday, 30 August 2010
คอมพิวเตอร์ restart เครื่องเอง
สวัสดีค่ะ วันนี้ นั่งทำงาน อยู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ก็ restart เอง เอาล่ะ ที่นี่ ปัญหามาเเล้ว มันเกิดขั้นได้ยังไง น่า! เรามาดูวิธีเเก้ไขกันดีกว่า
มี วิธีแก้ปัญหานี้แบบชั่วคราว ลองดูวิธีเลยนะค่ะ
1. ให้ไปคลิกขวาที่ My Computer ---> Properties ---> Advance เลือก Start up and Recovery ดูที่กรอบ System Failure ให้ติกออกที่ Automatically restart (Win XP)
2. ถ้าเป็น Win2000Pro ติกออกที่คำว่า Automatically reboot กด OK เป็นอันใช้ได้ค่ะ
การแก้ปัญหานี้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวนะคะ เพราะว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับระบบหรือ Hardware มีปัญหาแต่ยังไม่รุนแรง
วิธีนี้ ให้เช็ค อุปกรณ์ hardware ที่ละขั้นเลยนะค่ะ
1.พัดลมเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่เป่า CPU ถ้าความร้อนเกิน จะตัดการทำงานทันทีเลย เพื่อป้องกัน CPU เสีย อันนี้มองเห็นด้วยตาเปล่า เปลี่ยน ก็แค่ ตัวละ 20 - 40 บาท
2.เมนบอร์ด รับ Ram ไม่ได้ตาม SPEC ที่บอกเอาไว้ เช่น บอกว่าใส่ได้ 4 GB แต่ทำงานได้จริงๆ เพียง 2 GB ควร ลดขนาดของ แรมลง ( ใช้ยางลบดินสอ นิ่มๆ ขัดขาสีทองดูก่อน )
3.ใส่อุปกรณ์ มากเกินไป เป็นเหตุให้ไฟไม่พอใช้ หรือ ชิ้นส่วน ภายใน POWER SUPPLY หลุด / หลวม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้หลังจากใช้งานไปแล้ว ประมาณ 2 - 3 ปี . อย่างนี้ก็ต้อง ซ่อม หรือ เปลี่ยน POWER SUPPLY ใหม่
- บางราย ก็ไปดึงไฟจาก POWER SUPPLY ออกมาใช้ข้างนอก เสียอีกด้วย เช่น ต่อพัดลม ต่อหลอดไฟ ต่อลำโพง เป็นต้น . . . แบบนี้ ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด . ถึงแม้ไฟจะพอใช้ . แต่ก็จะไปทำให้ มันทำงานหนักเกินไป อายุการใช้งานก็จะสั้นลง
มี วิธีแก้ปัญหานี้แบบชั่วคราว ลองดูวิธีเลยนะค่ะ
1. ให้ไปคลิกขวาที่ My Computer ---> Properties ---> Advance เลือก Start up and Recovery ดูที่กรอบ System Failure ให้ติกออกที่ Automatically restart (Win XP)
2. ถ้าเป็น Win2000Pro ติกออกที่คำว่า Automatically reboot กด OK เป็นอันใช้ได้ค่ะ
การแก้ปัญหานี้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวนะคะ เพราะว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับระบบหรือ Hardware มีปัญหาแต่ยังไม่รุนแรง
วิธีนี้ ให้เช็ค อุปกรณ์ hardware ที่ละขั้นเลยนะค่ะ
1.พัดลมเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่เป่า CPU ถ้าความร้อนเกิน จะตัดการทำงานทันทีเลย เพื่อป้องกัน CPU เสีย อันนี้มองเห็นด้วยตาเปล่า เปลี่ยน ก็แค่ ตัวละ 20 - 40 บาท
2.เมนบอร์ด รับ Ram ไม่ได้ตาม SPEC ที่บอกเอาไว้ เช่น บอกว่าใส่ได้ 4 GB แต่ทำงานได้จริงๆ เพียง 2 GB ควร ลดขนาดของ แรมลง ( ใช้ยางลบดินสอ นิ่มๆ ขัดขาสีทองดูก่อน )
3.ใส่อุปกรณ์ มากเกินไป เป็นเหตุให้ไฟไม่พอใช้ หรือ ชิ้นส่วน ภายใน POWER SUPPLY หลุด / หลวม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้หลังจากใช้งานไปแล้ว ประมาณ 2 - 3 ปี . อย่างนี้ก็ต้อง ซ่อม หรือ เปลี่ยน POWER SUPPLY ใหม่
- บางราย ก็ไปดึงไฟจาก POWER SUPPLY ออกมาใช้ข้างนอก เสียอีกด้วย เช่น ต่อพัดลม ต่อหลอดไฟ ต่อลำโพง เป็นต้น . . . แบบนี้ ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด . ถึงแม้ไฟจะพอใช้ . แต่ก็จะไปทำให้ มันทำงานหนักเกินไป อายุการใช้งานก็จะสั้นลง
Sunday, 29 August 2010
ความเเตกต่าง ระหว่าง autorun กับ autoplay
สวัสดีค่ะ วันนี้วันอาทิตย์ ไม่ได้เขียน blog มา 2 วันเเล้ว รู้สึก อึดอัด ทั้งๆที่ก็ว่างไม่ได้ทำอะไร หมดเวลาไปกับการอ่านหนังสือ เเล้วก็หลับพักผ่อน ไปซะเยอะ วันนี้ เอาแผ่น dream concert Korea มาดู ใส่เเผ่นไปก็ ขึ้น autoplay เลยนึกขึ้นได้ว่า ระหว่าง autorun กับ autoplay ต่้างกันยังไงนะ เลย หาข้อมูล เอามาเผยเเพร่ ให้เพื่อนๆ ที่สนใจได้รู้ ค่ะ
Autorun
Autorun มีมานานแล้ว (เริ่มตั้งแต่ Windows 95 เป็นต้นมา) คู่กับ file Autorun.inf คือการ
ทำงานตามคำสั่งที่มีการระบุ ไว้ในไฟล์ Autorun.inf เช่นการทำงานของ Autorun ในแผ่นติดตั้ง Windows เมื่อเรานำแผ่นใส่ในเครื่องจะเห็นว่ามันจะ ทำการเปิดโปรแกรมเมนูในการติดตั้ง Windows มาให้ทันที


Autorun
Autorun มีมานานแล้ว (เริ่มตั้งแต่ Windows 95 เป็นต้นมา) คู่กับ file Autorun.inf คือการ
ทำงานตามคำสั่งที่มีการระบุ ไว้ในไฟล์ Autorun.inf เช่นการทำงานของ Autorun ในแผ่นติดตั้ง Windows เมื่อเรานำแผ่นใส่ในเครื่องจะเห็นว่ามันจะ ทำการเปิดโปรแกรมเมนูในการติดตั้ง Windows มาให้ทันที

คำสั่งภายในไฟล์ Autorun.inf ซึ่งอยู่ในแผ่นติดตั้ง Windows
ภายใน file Autorun.inf นั้นมีส่วนของคำสั่งเพียง 2 บรรทัดคือ Open= ซึ่งจะเป็นส่วนที่ระบุ ชื่อของโปรแกรมที่ต้องการให้เปิดขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เมื่อนำแผ่นใส่เข้าไปในไดรฟ์ รวมไปถึงการ double click ที่ไดรฟ์นั้นๆใน My Computer ด้วย และบรรทัด icon= ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ระบุรูปไอคอนที่จะแสดงให้เห็น ค่ะ ดังนั้น Autorun หลักการทำงานก็คือการอ่านแล้วทำตามคำสั่งที่มีการระบุไว้ใน file Autorun.inf ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นส่วนแสดงชื่อไดรฟ์(Label) รูปไอคอนที่แสดงแทนไดรฟ์รวมถึงโปรแกรมที่จะทำการเปิด ขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
Autoplay Autoplay นั้นเป็นคำใหม่(มาทีหลัง Autorun) ที่เพิ่งมีมาพร้อมกับ Windows ตั้งแต่ XP ขึ้นไป เรามาดูรูปตัวอย่างการทำงานของ Autoplay นะค่ะ

สำหรับรูปนี้เป็นการทำงานของ Autoplay ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว คือเมื่อเราเสียบ flash drive เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะมีหน้าต่างลักษณะนี้ขึ้นมาเสมอๆ (ถ้าไม่ได้ปิด Autoplay ไว้) จากรูปตัวอย่างใน flash drive เพียงไฟล์รูปภาพอยู่ด้านใน คราวนี้ลอง copy file เพลง .mp3 ใส่เพิ่มเข้าไปใน flash drive หลังจากนั้นดึงออกแล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ จะเป็นดังรูปข้างล่างนี้ค่ะ

เมื่อมันตรวจพบว่ามีไฟล์เพลงอยู่จึงแสดงเมนูที่จะใช้ จัดการกับไฟล์เพลงซึ่ง ก็คือการเปิดด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั่นเอง ซึ่งถ้าเลือก Play มันก็จะทำการเปิดเพลงจากใน flash drive ขึ้นมาให้ หรือถ้าเลือกไปที่ View a slideshow.. มันก็จะทำการเปิดไฟล์รูปภาพจากใน flash drive ขึ้นมาให้ คงพอจะมองเห็นภาพการทำงานของ Autoplay กันแล้วนะค่ะ
ซึ่งเราสามารถที่จะตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติของ Autoplay ได้ว่าในกรณีที่พบไฟล์ประเภทไหน จะให้มันตอบสนองอย่างไรโดยการคลิกขวาที่ drive ที่ต้องการตั้งค่า เช่นต้องการตั้งค่า flash drive ซึ่งตอนนี้เป็น drive H ก็คลิกขวาที่ drive H เลือก Properties แล้วไปที่ Tab Autoplay

ส่วน Autoplay นั้นเป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่งมีใช้ครั้งแรกใน Windows XP เป็นต้นไป และในการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ Autorun.inf แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการอ่านไฟล์จากใน Removable Media(CD/DVD flash drive Card-Reader ฯ) แล้วทำการเปิดโปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับไฟล์ประเภท นั้นๆขึ้นมาให้
โดยสรุปก็คือ Autorun นั้นจะเป็นการสั่งให้เปิดโปรแกรมที่มีอยู่ในแฟลชไดรฟ ์ขึ้นมา(จากคำสั่งในไฟล์ Autorun.inf) แต่สำหรับ Autoplay นั้นจะเป็นการเปิดโปรแกรมจากภายนอกเพื่อที่จะใช้จัดก ารกับไฟล์ที่อยู่ภายในแฟลชไดรฟ์นั่นเองครับ หรือพูดง่ายๆว่า Autorun นั้นจะมองที่ฝั่งโปรแกรม ส่วน Autoplay นั้นจะมองที่ฝั่งของไฟล์นั่นเองครับ
ข้อมูลจาก : www.thaigaming.com

จะเห็นได้ว่ามีหน้าต่างคล้ายๆแบบเดิมแต่ด้านบนสุดจะมี icon ของโปรแกรม Windows Media Player ซึ่งมีคำว่า Play เพิ่มขึ้นมา เป็นการทำงานของ Autoplay คือมันจะทำการตรวจสอบไฟล์ทั้งหมดของเราใน flash drive ว่ามีไฟล์ประเภทไหนบ้างแล้ว ทำการเปิดโปรแกรมที่มีความเกี่ยวข้อง กับประเภทไฟล์ประเภทนั้นๆขึ้นมาให้ เช่นในตัวอย่างแรก flash drive มีเพียงไฟล์รูปภาพ มันจึงขึ้นเมนูในการจัดการรูปภาพเช่น Print the picture , View a slideshow.. ส่วนในตัวอย่างที่ 2 ได้ copy ไฟล์เพลงใส่เพิ่มเข้าไปด้วย
เมื่อมันตรวจพบว่ามีไฟล์เพลงอยู่จึงแสดงเมนูที่จะใช้ จัดการกับไฟล์เพลงซึ่ง ก็คือการเปิดด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั่นเอง ซึ่งถ้าเลือก Play มันก็จะทำการเปิดเพลงจากใน flash drive ขึ้นมาให้ หรือถ้าเลือกไปที่ View a slideshow.. มันก็จะทำการเปิดไฟล์รูปภาพจากใน flash drive ขึ้นมาให้ คงพอจะมองเห็นภาพการทำงานของ Autoplay กันแล้วนะค่ะ
ซึ่งเราสามารถที่จะตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติของ Autoplay ได้ว่าในกรณีที่พบไฟล์ประเภทไหน จะให้มันตอบสนองอย่างไรโดยการคลิกขวาที่ drive ที่ต้องการตั้งค่า เช่นต้องการตั้งค่า flash drive ซึ่งตอนนี้เป็น drive H ก็คลิกขวาที่ drive H เลือก Properties แล้วไปที่ Tab Autoplay

จะเห็นว่าเราสามารถที่จะเลือกประเภทของไฟล์และรูปแบบ การตอบสนองต่อไฟล์ประเภทนั้นๆเมื่อมีการเสียบ flash drive ด้วยฟังก์ชั่น Autoplay
สรุปความแตกต่างระหว่าง Autorun กับ Autoplay
Autorun นั้นเป็นฟังก์ชั่นที่มีมากับ Windows ตั้งแต่ 95 เป็นต้นมาซึ่งการทำงานของ Autorun นั้นจำเป็นจะต้องใช้ไฟล์ Autorun.inf ในการกำหนดการทำงานเสมอ เนื่องจากจะต้องมีการระบุคำสั่งต่างๆไว้ในนั้นส่วน Autoplay นั้นเป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่งมีใช้ครั้งแรกใน Windows XP เป็นต้นไป และในการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ Autorun.inf แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการอ่านไฟล์จากใน Removable Media(CD/DVD flash drive Card-Reader ฯ) แล้วทำการเปิดโปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับไฟล์ประเภท นั้นๆขึ้นมาให้
โดยสรุปก็คือ Autorun นั้นจะเป็นการสั่งให้เปิดโปรแกรมที่มีอยู่ในแฟลชไดรฟ ์ขึ้นมา(จากคำสั่งในไฟล์ Autorun.inf) แต่สำหรับ Autoplay นั้นจะเป็นการเปิดโปรแกรมจากภายนอกเพื่อที่จะใช้จัดก ารกับไฟล์ที่อยู่ภายในแฟลชไดรฟ์นั่นเองครับ หรือพูดง่ายๆว่า Autorun นั้นจะมองที่ฝั่งโปรแกรม ส่วน Autoplay นั้นจะมองที่ฝั่งของไฟล์นั่นเองครับ
ข้อมูลจาก : www.thaigaming.com
Thursday, 26 August 2010
ปรับแต่งคอมพิวเตอร์ให้เร็ว
สวัสดีค่ะ วันนี้ มาสร้างบทความใหม่ เอาซะบ่ายเลย อดนอนอีกเเละ เรา เช้ามาทำงาน เเทบไม่ไหว เเต่ก็ใจสู้ ยังไงก็ต้องมาทำงาน วันนี้เอา เทคนิค ดีดีในการ ปรับเเต่งคอมพิวเตอร์ ให้เร็วขึ้้นค่ะ เพื่อน สามารถนำไปทำได้เลย
1.ลบโปรแกรมที่มาพร้อมกับ win xp ออก
- โปรแกรมที่มากับ winxp จะไม่มีใน add remove program
- ให้ไปที่ start > setting > control panel > folder option
- เลือก view เลือก show hidden files.... เพื่อให้ windows โชว์ไฟล์ทั้งหมด แล้วไปที่ start > run
พิมพ์ inf
- หาไฟล์ sysoc.inf แล้ว Double Click จะเปิดมาใน notepad
- มองหาโปรแกรมที่จะลบ แล้วลบคำว่า hide ออกแล้ว save แล้วไปที่ add remove แล้วลบโปรแกรมที่จะเอาออก เลือกดูว่าเป็นโปรแกรมที่ลบออกได้แน่นอน นะค่ะ
2.วิธีลบ Shared Documents ออกจาก My Computer
บางท่านคงไม่เคยใช้ประโยชน์จาก Folder นี้เลยอยากลบก็ลบเหมือน Folderทั่วๆไปไม่ได้ มันมีขั้นตอนดังนี้
- ให้ไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์ regedit
- จากนั้นให้เลือกที่ HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurr entVersionExplorerMyComputerNameSpaceDelegateF olders
- จากนั้นให้มองหาคีย์ {59031a47-3f72-44a7-89c5-5595fe6b30ee}
- ลบคีย์ที่ว่านี้ออกไป Restart เครื่องใหม่
- Shared Documents ก็จะหายไปจาก My Computer
3.เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน
โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp นานประมาณ 30 วินาทีอาจไม่ทันใจ
- ไปที่ start > run พิม cmd
- มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อม พิมพ์ bootcfg /timeout 5
- แล้วกด enter
- แล้วลองเข้า winxp ใหม่ค่ะ
4.เล่น internet ใน winxp ให้เร็วขึ้น
- ให้ไปที่ start > run พิมพ์ gpedit.msc กด ok
- จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
- ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
- หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
- มองหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
- จะปรากฏหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwith Propoties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
- ในกรอบ Bandwith limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok ค่ะ
5.ปรับแต่งโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำให้เร็วขึ้น
- ให้กดปุ่ม clrt + alt + delete ปรากฏกรอบ windows task manager เลือกแถบ processes
- เลือกโปรแกรมที่จะปรับแต่ง คือคลิกขวาที่โปรแกรม แล้วไปที่ set priority
- normal เป็นการทำงานปกติ ให้ปรับเป็น high
- ถ้าโปรแกรมเร็วเกินไปก้อไปที่ low เมื่อปรับแต่งเสร็จจะแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงค่า ให้คลิก ok ได้ค่ะ
วันนี้ ไม่ไหวจริงๆค่ะ อดนอน ไม่อย่างนั้น จะทำภาพประกอบไปด้วย เพื่อนๆ จะได้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น เเล้ว เจอกัน บทความหน้านะค่ะ
1.ลบโปรแกรมที่มาพร้อมกับ win xp ออก
- โปรแกรมที่มากับ winxp จะไม่มีใน add remove program
- ให้ไปที่ start > setting > control panel > folder option
- เลือก view เลือก show hidden files.... เพื่อให้ windows โชว์ไฟล์ทั้งหมด แล้วไปที่ start > run
พิมพ์ inf
- หาไฟล์ sysoc.inf แล้ว Double Click จะเปิดมาใน notepad
- มองหาโปรแกรมที่จะลบ แล้วลบคำว่า hide ออกแล้ว save แล้วไปที่ add remove แล้วลบโปรแกรมที่จะเอาออก เลือกดูว่าเป็นโปรแกรมที่ลบออกได้แน่นอน นะค่ะ
2.วิธีลบ Shared Documents ออกจาก My Computer
บางท่านคงไม่เคยใช้ประโยชน์จาก Folder นี้เลยอยากลบก็ลบเหมือน Folderทั่วๆไปไม่ได้ มันมีขั้นตอนดังนี้
- ให้ไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์ regedit
- จากนั้นให้เลือกที่ HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurr entVersionExplorerMyComputerNameSpaceDelegateF olders
- จากนั้นให้มองหาคีย์ {59031a47-3f72-44a7-89c5-5595fe6b30ee}
- ลบคีย์ที่ว่านี้ออกไป Restart เครื่องใหม่
- Shared Documents ก็จะหายไปจาก My Computer
3.เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน
โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp นานประมาณ 30 วินาทีอาจไม่ทันใจ
- ไปที่ start > run พิม cmd
- มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อม พิมพ์ bootcfg /timeout 5
- แล้วกด enter
- แล้วลองเข้า winxp ใหม่ค่ะ
4.เล่น internet ใน winxp ให้เร็วขึ้น
- ให้ไปที่ start > run พิมพ์ gpedit.msc กด ok
- จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
- ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
- หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
- มองหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
- จะปรากฏหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwith Propoties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
- ในกรอบ Bandwith limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok ค่ะ
5.ปรับแต่งโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำให้เร็วขึ้น
- ให้กดปุ่ม clrt + alt + delete ปรากฏกรอบ windows task manager เลือกแถบ processes
- เลือกโปรแกรมที่จะปรับแต่ง คือคลิกขวาที่โปรแกรม แล้วไปที่ set priority
- normal เป็นการทำงานปกติ ให้ปรับเป็น high
- ถ้าโปรแกรมเร็วเกินไปก้อไปที่ low เมื่อปรับแต่งเสร็จจะแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงค่า ให้คลิก ok ได้ค่ะ
วันนี้ ไม่ไหวจริงๆค่ะ อดนอน ไม่อย่างนั้น จะทำภาพประกอบไปด้วย เพื่อนๆ จะได้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น เเล้ว เจอกัน บทความหน้านะค่ะ
Wednesday, 25 August 2010
วิธีเข้า BIOS ของเครื่องคอมพิวเตอร์เเต่ละรุ่น
วันนี้ user ที่ทำงานเครื่อง Notebook มีปัญหา ต้องเข้าไปเเก้ไขใน Bios ปรากฎว่า ไม่สามารถเข้าได้เพราะไม่รู้ Hot Key ก็ต้องนั่งไล่กดกันยาวเลย เสียเวลาในการทำงานมากมาย เลยไปนั่งหาข้อมูล วิธีการเข้า Bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละรุ่น ก็เลย เอามาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งไล่กด ที่ละตัว
- ALR Advanced Logic Research, Inc. ® PC / PCI ให้กด F2
- ALR PC non / PCI ให้กด CTRL+ALT+ESC
- AMD® (Advanced Micro Devices, Inc.) BIOS ให้กด F1
- AMI(American Megatrends, Inc.) BIOS ให้กด DEL
- Award™ BIOS ให้กด CTRL+ALT+ESC
- Award BIOS ให้กด DEL
- DTK® (Datatech Enterprises Co.) BIOS ให้กด ESC
- Phoenix™ BIOS ให้กด CTRL+ALT+ESC
- Phoenix BIOS ให้กด CTRL+ALT+S
- Phoenix BIOS ให้กด CTRL+ALT+INS
- Acer® ให้กด F1, F2, CTRL+ALT+ESC
- AST® ให้กด CTRL+ALT+ESC, CTRL+ALT+DEL
- Compaq® 8700 ให้กด F10
- CompUSA® ให้กด DEL
- Dell® 400 ให้กด F3
- Dell 400 ให้กด F1
- Dell Dimension® ให้กด F2 or DEL
- Dell Inspiron® ให้กด F2
- Dell Latitude ให้กด Fn+F1 (while booted)
- Dell Latitude ให้กด F2 (on boot)
- Dell Optiplex ให้กด DEL
- Dell Optiplex ให้กด F2
- Dell Precision™ ให้กด F2
- eMachine™ ให้กด DEL
- Gateway® 2000 1440 ให้กด F1
- Gateway 2000 Solo™ ให้กด F2
- HP® (Hewlett-Packard) ให้กด F1, F2
- IBM® ให้กด F1
- IBM E-pro Laptop ให้กด F2
- IBM PS/2® ให้กด CTRL+ALT+INS after CTRL+ALT+DEL
- IBM Thinkpad® (newer) ให้ไปที่ Windows: Programs-Thinkpad CFG.
- Intel® Tangent ให้กด DEL
- Micron™ ให้กด F1, F2, or DEL
- Packard Bell® ให้กด F1, F2, Del
- Sony® VIAO ให้กด F2
- Sony VIAO ให้กด F3
- Toshiba® 335 CDS ให้กด ESC
- Toshiba Tecra ให้กด F1 or ESC
- Toshiba Satellite 205 CDS ให้กด F1
- Toshiba Protege ให้กด ESC
- Tiger ให้กด DEL
- ALR Advanced Logic Research, Inc. ® PC / PCI ให้กด F2
- ALR PC non / PCI ให้กด CTRL+ALT+ESC
- AMD® (Advanced Micro Devices, Inc.) BIOS ให้กด F1
- AMI(American Megatrends, Inc.) BIOS ให้กด DEL
- Award™ BIOS ให้กด CTRL+ALT+ESC
- Award BIOS ให้กด DEL
- DTK® (Datatech Enterprises Co.) BIOS ให้กด ESC
- Phoenix™ BIOS ให้กด CTRL+ALT+ESC
- Phoenix BIOS ให้กด CTRL+ALT+S
- Phoenix BIOS ให้กด CTRL+ALT+INS
- Acer® ให้กด F1, F2, CTRL+ALT+ESC
- AST® ให้กด CTRL+ALT+ESC, CTRL+ALT+DEL
- Compaq® 8700 ให้กด F10
- CompUSA® ให้กด DEL
- Dell® 400 ให้กด F3
- Dell 400 ให้กด F1
- Dell Dimension® ให้กด F2 or DEL
- Dell Inspiron® ให้กด F2
- Dell Latitude ให้กด Fn+F1 (while booted)
- Dell Latitude ให้กด F2 (on boot)
- Dell Optiplex ให้กด DEL
- Dell Optiplex ให้กด F2
- Dell Precision™ ให้กด F2
- eMachine™ ให้กด DEL
- Gateway® 2000 1440 ให้กด F1
- Gateway 2000 Solo™ ให้กด F2
- HP® (Hewlett-Packard) ให้กด F1, F2
- IBM® ให้กด F1
- IBM E-pro Laptop ให้กด F2
- IBM PS/2® ให้กด CTRL+ALT+INS after CTRL+ALT+DEL
- IBM Thinkpad® (newer) ให้ไปที่ Windows: Programs-Thinkpad CFG.
- Intel® Tangent ให้กด DEL
- Micron™ ให้กด F1, F2, or DEL
- Packard Bell® ให้กด F1, F2, Del
- Sony® VIAO ให้กด F2
- Sony VIAO ให้กด F3
- Toshiba® 335 CDS ให้กด ESC
- Toshiba Tecra ให้กด F1 or ESC
- Toshiba Satellite 205 CDS ให้กด F1
- Toshiba Protege ให้กด ESC
- Tiger ให้กด DEL
การเข้า Bios คือเครื่องรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่เข้าง่ายขึ้น โดยกดปุ่ม Delete ตอนเปิดเครื่อง ก็เข้า Bios ได้แล้ว โดยสังเกตจาก ตอนเปิดเครื่องครับ จะมีบอกไว้ว่าเข้า Bios จะต้องกดปุ่มอะไร ถ้าอนาคตมีการเข้า Bios แบบอื่นๆอีก จะนำมาฝากอีกนะค่ะ
Tuesday, 24 August 2010
Layer ของ OSI Model
รายละเอียด ของ เเต่ละ Layer ภาคต่อ นะค่ะ
Layer ของ OSI Model
1.Physical Layer
เป็นคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น คุณสมบัติทางไฟฟ้า และกลไกต่างๆ ของวัสุที่ใช้เป็นสื่อกลาง ตลอดจนสัญญาณที่ใช้ในการส่งข้อมูล, อุปกรณ์เชื่อมต่อ (Connector), ระดับความต่างศักย์ของไฟฟ้า (Voltage) และอื่นๆ เช่น อธิบายถึงคุณสมบัติของสาย Unshielded Twisted Pair (UTP)
2.Data link Layer
เป็นชั้นที่อธิบายถึงการส่งข้อมูลไปบนสื่อกลาง ชั้นนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นชั้นย่อย (Sub Layer) คือ
Logical Link Control (LLC) Media Access Control (MAC)
การแบ่งแยกจะทำให้ชั้น LLC ชั้นเดียวสามารถจะใช้ชั้น MAC ที่แตกต่างกันออกไปได้หลายชั้น ชั้น MAC นั้นเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับ Address ทางกายภาพอย่างที่ใช้ในมาตรฐาน Internet และ Token Ring Address ทางกายภาพนี้จะถูกฝังมาใน LAN Card โดยบริษัทผู้ผลิต
Address ทางกายภาพนั้นเป็นคนละอย่างกับ Address ทางตรรกะ เช่น IP Address ที่จะถูกใช้งานในชั้น Network เพื่อความชัดเจนครบถ้วนสมบูรณ์ของการใช้ชั้น Data-Link นี้
3.Network Layer
เป็นการเชื่อมต่อและ การเลือกเส้นทางนำพาข้อมูลระหว่าง เครื่องสองเครื่องในเครือข่าย
ชั้น Network ยังให้บริการเชื่อมต่อในแบบ "Connection Oriented" อย่างเช่น X.25 หรือบริการแบบ "Connectionless" เช่น Internet Protocol
ตัวอย่างของโปรโตคอลในชั้นนี้ประกอบด้วย Internet Protocol (IP) และ Internet Control Message Protocol (ICMP)
4.Transport Layer
บริการด้านคุณภาพที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ แต่ในบาง โปรโตคอลที่ไม่มีการดูแลเรื่องคุณภาพดังกล่าวจะอาศัยการทำงานในชั้น Transport นี้เพื่อเข้ามาช่วยดูแลเรื่องคุณภาพแทน เหตุผลที่สนับสนุนการใช้งานชั้นนี้ก็คือ ในบางสถานการณ์ของชั้นในระดับล่างทั้งสาม (คือชั้น Physical, Data-Link และ Network) ดำเนินการโดยผู้ให้บริการโทรคมนาคม การจะเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพให้กับผู้ใช้บริการก็ด้วยการใช้ชั้น Transport นี้
"Transmission Control Protocol (TCP) เป็นโปรโตคอลในชั้น Transport ที่มีการใช้งานกันมากที่สุด"
5.Session Layer
ทำหน้าที่สร้างการเชื่อมต่อ, การจัดการระหว่างการเชื่อมต่อ และการตัดการเชื่อมต่อคำว่า "เซสชัน" (Session) หมายถึงการเชื่อมต่อกันในเชิงตรรกะ (Logic) ระหว่างปลายทางทั้งสองด้าน (เครื่อง 2 เครื่อง) ชั้นนี้อาจไม่จำเป็นต้องถูกใช้งานเสมอไป อย่างเช่นถ้าการสื่อสารนั้นเป็นไปในแบบ "Connectionless" ที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ เป็นต้น ระหว่างการสื่อสารในแบบ "Connection-less" ทุกๆ แพ็กเก็ต (Packet) ของข้อมูล จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องปลายทางที่เป็นผู้รับติดอยู่อย่าง สมบูรณ์ในลักษณะของจดหมายที่มีการจ่าหน้าซองอย่างถูกต้องครบถ้วน ส่วนการสื่อสารในแบบ "Connection Oriented" จะต้องมีการดำเนินการบางอย่างเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อ หรือเกิดเป็นวงจรในเชิงตรรกะขึ้นมาก่อนที่การรับ/ส่งข้อมูลจะเริ่มต้นขึ้น แล้วเมื่อการรับ/ส่งข้อมูลดำเนินไปจนเสร็จสิ้น ก็ต้องมีการดำเนินการบางอย่าง เพื่อที่จะตัดการเชื่อมต่อลง ตัวอย่าง ของการเชื่อมต่อแบบนี้ได้แก่ การใช้โทรศัพท์ที่ต้องมีการกดหมายเลข ปลายทาง จากนั้นก็ต้องมีการดำเนินการ บางอย่างของระบบจนกระทั่งเครื่องปลายทางมีเสียง ดังขึ้น การสื่อสารจะเริ่มขึ้นจริงเมื่อมีการทักทายกันของคู่สนทนา จากนั้นเมื่อคู่สนทนา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวางหูก็ต้องมีการดำเนินการบางอย่างที่ จะตัดการเชื่อมต่อลงชั้น Session นี้มีระบบการติดตามด้วยว่าฝั่งใดที่ส่งข้อมูลซีงเรียกว่า "Dialog Management"
Simple Mail Transport Protocol (SMTP), File Transfer Protocol (FTP) และ Telnet เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลที่นิยมใช้ และมีการทำงานครอบคลุมในชั้น Session, Presentation และ Application
6.Presentation Layer
บริการทำการตกลงกันระหว่างสองโปรโตคอลถึงไวยากรณ์ (Syntax) ที่จะใช้ในการรับ/ส่งข้อมูล เนื่องจากว่าไม่มีการรับรองถึงไวยากรณ์ที่จะใช้ร่วมกัน การทำงานในชั้นนี้ จึงมีบริการในการแปลข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอด้วย
7.Application Layer
ชั้น Application เป็นชั้นบนสุดของแบบจำลอง ISO/OSI เป็นชั้นที่ใช้บริการของชั้น Presentation (และชั้นอื่นๆ ในทางอ้อมด้วย) เพื่อประยุกต์ใช้งานต่างๆ เช่น การทำ E-mail Exchange (การรับ/ส่งอีเมล์), การโอนย้ายไฟล์ หรือการประยุกต์ใช้งานทางด้านเครือข่ายอื่นๆ

ข้อมูลที่ส่งในระบบเครือข่าย มีหลายรูปแบบที่หลากหลาย แต่รูปแบบทั่วไปที่เรียกข้อมูลได้แก่
Layer ของ OSI Model
1.Physical Layer
เป็นคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น คุณสมบัติทางไฟฟ้า และกลไกต่างๆ ของวัสุที่ใช้เป็นสื่อกลาง ตลอดจนสัญญาณที่ใช้ในการส่งข้อมูล, อุปกรณ์เชื่อมต่อ (Connector), ระดับความต่างศักย์ของไฟฟ้า (Voltage) และอื่นๆ เช่น อธิบายถึงคุณสมบัติของสาย Unshielded Twisted Pair (UTP)
2.Data link Layer
เป็นชั้นที่อธิบายถึงการส่งข้อมูลไปบนสื่อกลาง ชั้นนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นชั้นย่อย (Sub Layer) คือ
Logical Link Control (LLC) Media Access Control (MAC)
การแบ่งแยกจะทำให้ชั้น LLC ชั้นเดียวสามารถจะใช้ชั้น MAC ที่แตกต่างกันออกไปได้หลายชั้น ชั้น MAC นั้นเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับ Address ทางกายภาพอย่างที่ใช้ในมาตรฐาน Internet และ Token Ring Address ทางกายภาพนี้จะถูกฝังมาใน LAN Card โดยบริษัทผู้ผลิต
Address ทางกายภาพนั้นเป็นคนละอย่างกับ Address ทางตรรกะ เช่น IP Address ที่จะถูกใช้งานในชั้น Network เพื่อความชัดเจนครบถ้วนสมบูรณ์ของการใช้ชั้น Data-Link นี้
3.Network Layer
เป็นการเชื่อมต่อและ การเลือกเส้นทางนำพาข้อมูลระหว่าง เครื่องสองเครื่องในเครือข่าย
ชั้น Network ยังให้บริการเชื่อมต่อในแบบ "Connection Oriented" อย่างเช่น X.25 หรือบริการแบบ "Connectionless" เช่น Internet Protocol
ตัวอย่างของโปรโตคอลในชั้นนี้ประกอบด้วย Internet Protocol (IP) และ Internet Control Message Protocol (ICMP)
4.Transport Layer
บริการด้านคุณภาพที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ แต่ในบาง โปรโตคอลที่ไม่มีการดูแลเรื่องคุณภาพดังกล่าวจะอาศัยการทำงานในชั้น Transport นี้เพื่อเข้ามาช่วยดูแลเรื่องคุณภาพแทน เหตุผลที่สนับสนุนการใช้งานชั้นนี้ก็คือ ในบางสถานการณ์ของชั้นในระดับล่างทั้งสาม (คือชั้น Physical, Data-Link และ Network) ดำเนินการโดยผู้ให้บริการโทรคมนาคม การจะเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพให้กับผู้ใช้บริการก็ด้วยการใช้ชั้น Transport นี้
"Transmission Control Protocol (TCP) เป็นโปรโตคอลในชั้น Transport ที่มีการใช้งานกันมากที่สุด"
5.Session Layer
ทำหน้าที่สร้างการเชื่อมต่อ, การจัดการระหว่างการเชื่อมต่อ และการตัดการเชื่อมต่อคำว่า "เซสชัน" (Session) หมายถึงการเชื่อมต่อกันในเชิงตรรกะ (Logic) ระหว่างปลายทางทั้งสองด้าน (เครื่อง 2 เครื่อง) ชั้นนี้อาจไม่จำเป็นต้องถูกใช้งานเสมอไป อย่างเช่นถ้าการสื่อสารนั้นเป็นไปในแบบ "Connectionless" ที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ เป็นต้น ระหว่างการสื่อสารในแบบ "Connection-less" ทุกๆ แพ็กเก็ต (Packet) ของข้อมูล จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องปลายทางที่เป็นผู้รับติดอยู่อย่าง สมบูรณ์ในลักษณะของจดหมายที่มีการจ่าหน้าซองอย่างถูกต้องครบถ้วน ส่วนการสื่อสารในแบบ "Connection Oriented" จะต้องมีการดำเนินการบางอย่างเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อ หรือเกิดเป็นวงจรในเชิงตรรกะขึ้นมาก่อนที่การรับ/ส่งข้อมูลจะเริ่มต้นขึ้น แล้วเมื่อการรับ/ส่งข้อมูลดำเนินไปจนเสร็จสิ้น ก็ต้องมีการดำเนินการบางอย่าง เพื่อที่จะตัดการเชื่อมต่อลง ตัวอย่าง ของการเชื่อมต่อแบบนี้ได้แก่ การใช้โทรศัพท์ที่ต้องมีการกดหมายเลข ปลายทาง จากนั้นก็ต้องมีการดำเนินการ บางอย่างของระบบจนกระทั่งเครื่องปลายทางมีเสียง ดังขึ้น การสื่อสารจะเริ่มขึ้นจริงเมื่อมีการทักทายกันของคู่สนทนา จากนั้นเมื่อคู่สนทนา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวางหูก็ต้องมีการดำเนินการบางอย่างที่ จะตัดการเชื่อมต่อลงชั้น Session นี้มีระบบการติดตามด้วยว่าฝั่งใดที่ส่งข้อมูลซีงเรียกว่า "Dialog Management"
Simple Mail Transport Protocol (SMTP), File Transfer Protocol (FTP) และ Telnet เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลที่นิยมใช้ และมีการทำงานครอบคลุมในชั้น Session, Presentation และ Application
6.Presentation Layer
บริการทำการตกลงกันระหว่างสองโปรโตคอลถึงไวยากรณ์ (Syntax) ที่จะใช้ในการรับ/ส่งข้อมูล เนื่องจากว่าไม่มีการรับรองถึงไวยากรณ์ที่จะใช้ร่วมกัน การทำงานในชั้นนี้ จึงมีบริการในการแปลข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอด้วย
7.Application Layer
ชั้น Application เป็นชั้นบนสุดของแบบจำลอง ISO/OSI เป็นชั้นที่ใช้บริการของชั้น Presentation (และชั้นอื่นๆ ในทางอ้อมด้วย) เพื่อประยุกต์ใช้งานต่างๆ เช่น การทำ E-mail Exchange (การรับ/ส่งอีเมล์), การโอนย้ายไฟล์ หรือการประยุกต์ใช้งานทางด้านเครือข่ายอื่นๆ

จากรูปเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง OSI Model กับการสื่อสารของ Internet โดยจะแสดงรูปแบบข้อมูล, data และอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในแต่ละ Layer
เป็นยังไงกันมั้งค่ะ OSI Model ถือเป็นพื้นฐานของ Network เลยทีเดียว ซึ่งหากเราเข้าใจหลักการทำงานของมันแล้ว เราจะสามารถออกแบบและวิเคราะห์ Network ต่างๆ ได้ง่ายเลยทีเดียว แถมอีกนิดละกันนะค่ะเกี่ยวกับหน่วยของ ข้อมูลต่างๆ ที่เราเคยได้ยิน ว่าแต่ละแบบคืออะไรข้อมูลที่ส่งในระบบเครือข่าย มีหลายรูปแบบที่หลากหลาย แต่รูปแบบทั่วไปที่เรียกข้อมูลได้แก่
Frame | หน่วยของข้อมูลในระดับ Data link Layer |
Packet | หน่วยของข้อมูลในระดับ Network Layer |
Data gram | หน่วยของข้อมูลในระดับ Network Layer ที่มีรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ Connectionless |
Segment | หน่วยของข้อมูลในระดับ Transport Layer |
Message | ระดับข้อมูลในเหนือ Network Layer มักจะหมายถึงระดับ Application Layer |
Cell | หน่วยข้อมูลที่มีขนาดแน่นอนในระดับ Data link Layer ใช้เป็นหน่วยในลักษณะการส่งข้อมูลแบบสวิตซ์ เช่น Asynchronous Transfer Mode (ATM) หรือ Switched Multi megabit Data Service (SMDS) |
Data unit | หน่วยข้อมูลทั่วไป |
Monday, 23 August 2010
OSI Model
Open Systems Interconnection (OSI) โดยพัฒนามาจาก ISO (International Organization for มาตรฐาน)เป็นกรอบมาตรฐานเพื่อการสื่อสาร ในเครือข่ายผ่านอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และการประยุกต์ใช้โดยผู้ขายที่แตกต่างกัน แบบจำลอง OSI กำหนดกระบวนการสื่อสารใน 7 ชั้นซึ่งแบ่งงานที่เกี่ยวข้องกับ การย้ายข้อมูลระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ISO ได้ทำการเเบ่ง OSI Model ออกเป็น 7 ระดับ
ISO ได้ทำการเเบ่ง OSI Model ออกเป็น 7 ระดับ
Sunday, 22 August 2010
ภาคต่อ แลน การส่งข้อมูลใน LAN
การส่งข้อมูลในเเลนนั้น จะใช้วิ่งส่งข้อมูลลงไปในช่องสัญญาณที่ใช้ร่วมกัน โดยเครื่องคอมพิวเตอร์เเละอุปกรณ์ต่างๆ ในเเลนจะเชื่อมต่อกับช่องสัญญาณ ผ่านการ์ดเเลนเเละสายเเลนไปยังอุปกรณ์รวมสัญญาณที่เรียกว่า Hub หรือ Switch ข้อมูลที่ส่งออกมาในช่องสัญญาณไม่ว่าใครจะเป็นคนส่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ เเละอุึปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่จะสามารถมองเห็นข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมด เพียงเเต่จะรับข้อมูลที่ส่งถึงตัวเองเท่านั้น เข้ามาประมวลผล ดังนั้นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายจะมีหน้าที่อ่านข้อมูลทุก แพ็กเก็ตในช่องสัญญาณ เเล้วเลือกรับเฉพาะข้อมูลที่ส่งถึงตนเองเท่านั้นเข้ามาประมวลผล
ข้อมูลที่วิ่งในช่องสัญญาณจะประกอบไปด้วยสองส่วนคือ
1. Header ประกอบไปด้วยหมายเลขประจะตัว (MAC Address) ของผู้ส่งเเละหมายเลขประจำตัวของผู้รับ
2. Data ข้อมูลที่ส่งจริง
เครื่องคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเเละตรวจสอบข้อมูลทุกแพ็กเก็ต ในช่องสัญญาณว่าเป็นของตนเองหรือไม่โดยดูจากส่วนของ Header ว่าส่งถึงหมายเลขประจำตัวของตนหรือไม่ ถ้าไม่ใช้ก็ปล่อยผ่านไปเเต่ถ้าใช่ก็รับเข้ามาประมวลผล
การทำงานของการ์ดเเลน
ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลจากสายสัญญาณโดยการ์ดเเลนเเต่ละใบจะต่อสาย ไปยังอุปกรณ์รวมสัญญาณ (Hub หรือ Switch) ซึ่งการ์ดเเลนเเต่ละใบนี้จะมีหมายเลขประจำการ์ดเเลนที่เรียกว่า MAC Address โดยหมายเลขเหล่านี้ จะไม่ซ้ำกันเลย การระบุผู้รับเเละผู้ส่งใน Header ของข้อมูลที่เล่าให้ฟังไปเเล้วก็จะระบุเป็นหมายเลข MAC Address
การทำงานของการ์ดเเลน
เวลาส่งข้อมูล
1. การ์ดเเลนจะตรวจสอบก่อนว่าช่องสัญญาณว่างหรือไม่ เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ในเเลนวงเดียวกันจะใช้ช่องสัญญาณร่วมกัน
2.ถ้าช่องสัญญาณมีผู้อื่นส่งข้อมูลอยู่ ก็จะรอเเล้วตรวจสอบใหม่จนกว่าช่องสัญญาณจะว่าง
3.เมื่อช่องสัญญาณว่างการ์ดเเลนจะส่ง ข้อมูลเข้าไปในช่องสัญญาณโดยจะระบุ MAC Address ของตัวเองเเละ MAC Address ของผู้รับตามด้วยข้อมูลที่จะส่ง
เวลาปกติ
1. การ์ดเเลนจะทำหน้าที่อ่านข้อมูลทุกแพ็กเก็ต ที่วิ่งอยู่ในสายสัญญาณตลอดเวลา
2. คอยตรวจสอบว่า Header ของข้อมูลระบุผู้รับเป็น MAC Address ตรงกับ MAC Address ของตัวเองหรือไม่
3.ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยให้ข้อมูลนั้นผ่านไปโดยไม่ทำอะไร
4.เเต่ถ้าเป็นของมูลที่ส่งถึง MAC Address ของตัวเองก็ จะรับเข้ามาประมวลผล
ข้อมูลที่วิ่งในช่องสัญญาณจะประกอบไปด้วยสองส่วนคือ
1. Header ประกอบไปด้วยหมายเลขประจะตัว (MAC Address) ของผู้ส่งเเละหมายเลขประจำตัวของผู้รับ
2. Data ข้อมูลที่ส่งจริง
เครื่องคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเเละตรวจสอบข้อมูลทุกแพ็กเก็ต ในช่องสัญญาณว่าเป็นของตนเองหรือไม่โดยดูจากส่วนของ Header ว่าส่งถึงหมายเลขประจำตัวของตนหรือไม่ ถ้าไม่ใช้ก็ปล่อยผ่านไปเเต่ถ้าใช่ก็รับเข้ามาประมวลผล
การทำงานของการ์ดเเลน
ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลจากสายสัญญาณโดยการ์ดเเลนเเต่ละใบจะต่อสาย ไปยังอุปกรณ์รวมสัญญาณ (Hub หรือ Switch) ซึ่งการ์ดเเลนเเต่ละใบนี้จะมีหมายเลขประจำการ์ดเเลนที่เรียกว่า MAC Address โดยหมายเลขเหล่านี้ จะไม่ซ้ำกันเลย การระบุผู้รับเเละผู้ส่งใน Header ของข้อมูลที่เล่าให้ฟังไปเเล้วก็จะระบุเป็นหมายเลข MAC Address
การทำงานของการ์ดเเลน
เวลาส่งข้อมูล
1. การ์ดเเลนจะตรวจสอบก่อนว่าช่องสัญญาณว่างหรือไม่ เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ในเเลนวงเดียวกันจะใช้ช่องสัญญาณร่วมกัน
2.ถ้าช่องสัญญาณมีผู้อื่นส่งข้อมูลอยู่ ก็จะรอเเล้วตรวจสอบใหม่จนกว่าช่องสัญญาณจะว่าง
3.เมื่อช่องสัญญาณว่างการ์ดเเลนจะส่ง ข้อมูลเข้าไปในช่องสัญญาณโดยจะระบุ MAC Address ของตัวเองเเละ MAC Address ของผู้รับตามด้วยข้อมูลที่จะส่ง
เวลาปกติ
1. การ์ดเเลนจะทำหน้าที่อ่านข้อมูลทุกแพ็กเก็ต ที่วิ่งอยู่ในสายสัญญาณตลอดเวลา
2. คอยตรวจสอบว่า Header ของข้อมูลระบุผู้รับเป็น MAC Address ตรงกับ MAC Address ของตัวเองหรือไม่
3.ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยให้ข้อมูลนั้นผ่านไปโดยไม่ทำอะไร
4.เเต่ถ้าเป็นของมูลที่ส่งถึง MAC Address ของตัวเองก็ จะรับเข้ามาประมวลผล
แลน คืออะไร
สวัสดีค่ะ กับ วันอาทิตย์ นะค่ะ วันนี้ดูข่าว เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ คุณไก่บอกว่า น้ำยาล้างจุดซ้อนเร้น ไม่สามารถนำมาล้างหน้าหรือสระผม ได้ ขอเเสดงความคิดเห็น หน่อยนะค่ะ " เขาก็บอกอยู่เเล้วว่า ไว้สำหรับชำระล้างจุดซ้อนเร้น เท่านั้น คนเราก็ยังดันมาล้างหน้า สระผม ผลดีก็มีอยู่ช่วงเดียวเท่านั้นเเละ พอหยุดใช้ไป ก็กลับมาเป็นหนัก กว่าเดิม ฟังเเล้ว ขำขำ ขนาดมีวิธีใช้บอกไว้ข้างขวดเเล้ว เเท้ๆ นะเนี่ย 555+" ขออภัยนอกเรื่องไปหน่อยค่ะ
LAN มาจากคำว่า "Local Area Network" เเปลเป็นไทยก็ "เครือข่ายท้องถิ่น" ง่ายๆ ก็เป็นกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จะต่ออยู่บน Hub หรือ Switch ชุดเดียวกัน สามารถส่่งข้อมูลถึงกันได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย อย่างเช่น Router
เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในเเลนวงเดียวกัน จะต้องใช้ช่องสัญญาณร่วมกันค่ะ เหมือนว่าอยุ่บนถนนบนเส้นเดียวกันหรืออยู่ซอยเดียวกัน
ข้อดี
1. สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้โดยตรง
2.ติดตั้งง่ายไม่ต้องใช้ Router
ข้อเสีย
1.เครื่องที่อยู่ในวงเเลนเดียวกันจะเห็นข้อมูลของกันเเละกัน เนื่องจากใช้ช่องสัญญาณรวมกัน
2.เครื่องทุกเครื่องต้องใช้ช่องสัญญาณร่วมกันถ้ามีเครื่องจำนวนมากจะทำให้ระบบทำงานช้าลง
อ่านกันเเล้ว ไม่เข้าใจ ก็ บอกได้นะค่ะ จะพยายามทำให้เพื่อนๆ เข้าใจให้มากที่สุดนะค่ะ admin ทั้งหลาย มีอะไรดีดี ก็บอกต่อๆ กันมั้งนะค่ะ
LAN มาจากคำว่า "Local Area Network" เเปลเป็นไทยก็ "เครือข่ายท้องถิ่น" ง่ายๆ ก็เป็นกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จะต่ออยู่บน Hub หรือ Switch ชุดเดียวกัน สามารถส่่งข้อมูลถึงกันได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย อย่างเช่น Router
จากรูปนะค่ะ นิยามของ LAN วงเดียวกันก็คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ Hub หรือ Switch ตัวเดีัยวกัน ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง 5 เครื่องก็ถือว่าอยู่ในวงเดียวกัน
ผลของการอยู่ LAN เดียวกัน "ที่มาของตำว่า วงเเลน" มาจากการต่อระบบ LAN สมัยเเรกๆ ที่ใช้การเชื่อมต่อเเบบวงเเหวน (ring topology) ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องต่อเป็นวงจริงๆ คือ เครื่องที่ 1 ต่อไปยังเครื่องที่ 2 เครื่องที่ 2 ต่อไปยังเครื่องที่ 3 ไปจนเครื่องสุดท้ายก็จะย้อนกลับมาต่้อ ที่เครื่องเเรกอีกมีลักษณะเป็นวงจริงๆ ถ้าต่อไม่ครบวง LAN ระบบก็จะไม่ทำงานเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในเเลนวงเดียวกัน จะต้องใช้ช่องสัญญาณร่วมกันค่ะ เหมือนว่าอยุ่บนถนนบนเส้นเดียวกันหรืออยู่ซอยเดียวกัน
ข้อดี
1. สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้โดยตรง
2.ติดตั้งง่ายไม่ต้องใช้ Router
ข้อเสีย
1.เครื่องที่อยู่ในวงเเลนเดียวกันจะเห็นข้อมูลของกันเเละกัน เนื่องจากใช้ช่องสัญญาณรวมกัน
2.เครื่องทุกเครื่องต้องใช้ช่องสัญญาณร่วมกันถ้ามีเครื่องจำนวนมากจะทำให้ระบบทำงานช้าลง
อ่านกันเเล้ว ไม่เข้าใจ ก็ บอกได้นะค่ะ จะพยายามทำให้เพื่อนๆ เข้าใจให้มากที่สุดนะค่ะ admin ทั้งหลาย มีอะไรดีดี ก็บอกต่อๆ กันมั้งนะค่ะ
Saturday, 21 August 2010
IP Address
วันนี้วันเสาร์ ที่ 21 อากาศค่อนข้าง สบายๆ ไม่ร้อนไม่หนาว ฟ้าครึ้มๆ วันนี้ ขอนำเสนอเรื่อง IP Address
ค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ คงได้รับ อะไรดีๆ กันไปบ้างนะค่ะ
IP Address คือหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุด
IP Addressที่ใช้กันอยู่นี้เป็น ตัวเลขไบนารีขนาด 32 บิตหรือ 4 ไบต์
11101001/ 11000110/ 00000010/ 01110100
เลขBinary หรือเลขฐานสองแต่ละไบต์ ( 8 บิต ) ให้เป็นตัวเลขฐานสิบโดยมีจุดคั่น
11101001 11000110 00000010 01110100
158 . 108 . 2 . 71
การสื่อสารและรับส่งข้อมูลในระบบ Internet สิ่งสำคัญคือที่อยู่ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำ จึง ได้มีการกำหนดหมายเลขประจำเครื่องที่เราเรียกว่า IP Address และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและซ้ำกัน จึงได้มีการก่อตั้งองค์กรเพื่อ แจกจ่าย IP Address โดยเฉพาะ ชื่อองค์กรว่า InterNIC (International Network Information Center) อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
การแจกจ่ายทาง InterNIC จะแจกจ่ายเฉพาะ Network Address ให้แต่ละเครือข่าย ส่วนลูกข่ายของเครื่อง ทางเครือข่ายนั้นก็จะเป็น ผู้แจกจ่ายอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นพอสรุปได้ว่า IP Address จะประกอบด้วยตัวเลข 2 ส่วน คือ
1. Network Address
2. Computer Address
การแบ่งขนาดของเครือข่าย
เราสามารถแบ่งขนาดของการแจกจ่าย Network Address ได้ 3 ขนาดคือ
Class A nnn.ccc.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 1-126)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากที่สุดถึง 16 ล้านหมายเลข
Class B nnn.nnn.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 128-191)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากเป็นอันดับสอง คือ 65,000 หมายเลข
Class c nnn.nnn.nnn.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 192-233)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้น้อยที่สุด คือ 256 หมายเลข
nnn หมายถึง Network Address ccc หมายถึง Computer Address
IP Addressแต่ละกลุ่มที่ได้รับการจัดสรร จะได้รับการควบคุมการกำหนดเส้นทางโดยอุปกรณ์จำพวก เราเตอร์ และสวิตชิ่ง
ทำนอง เดียวกัน หน่วยงานย่อยรับIP Addressไปเป็นกลุ่มก็สามารถนำIP Address ที่ได้รับไปจัดสรรแบ่งกลุ่มด้วยอุปกรณ์เราเตอร์หรือ สวิตชิ่งได้ การกำหนดIP Addressจะต้องอยู่ภายในกลุ่มของตนเท่านั้น มิฉะนั้น
อุปกรณ์เราเตอร์จะ ไม่ สามารถทำงานรับส่งข้อมูลได้
**เพิ่งรู้ตัวเองว่า ชอบทางด้าน network ยังไงก็จะหาความรู้ทางด้านนี้มาให้มากๆ นะค่ะ หากใึครมีอะไรก็มาเเชร์ กันได้ค่ะ**
ค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ คงได้รับ อะไรดีๆ กันไปบ้างนะค่ะ
IP Address คือหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุด
IP Addressที่ใช้กันอยู่นี้เป็น ตัวเลขไบนารีขนาด 32 บิตหรือ 4 ไบต์
11101001/ 11000110/ 00000010/ 01110100
เลขBinary หรือเลขฐานสองแต่ละไบต์ ( 8 บิต ) ให้เป็นตัวเลขฐานสิบโดยมีจุดคั่น
11101001 11000110 00000010 01110100
158 . 108 . 2 . 71
การสื่อสารและรับส่งข้อมูลในระบบ Internet สิ่งสำคัญคือที่อยู่ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำ จึง ได้มีการกำหนดหมายเลขประจำเครื่องที่เราเรียกว่า IP Address และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและซ้ำกัน จึงได้มีการก่อตั้งองค์กรเพื่อ แจกจ่าย IP Address โดยเฉพาะ ชื่อองค์กรว่า InterNIC (International Network Information Center) อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
การแจกจ่ายทาง InterNIC จะแจกจ่ายเฉพาะ Network Address ให้แต่ละเครือข่าย ส่วนลูกข่ายของเครื่อง ทางเครือข่ายนั้นก็จะเป็น ผู้แจกจ่ายอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นพอสรุปได้ว่า IP Address จะประกอบด้วยตัวเลข 2 ส่วน คือ
1. Network Address
2. Computer Address
การแบ่งขนาดของเครือข่าย
เราสามารถแบ่งขนาดของการแจกจ่าย Network Address ได้ 3 ขนาดคือ
Class A nnn.ccc.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 1-126)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากที่สุดถึง 16 ล้านหมายเลข
Class B nnn.nnn.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 128-191)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากเป็นอันดับสอง คือ 65,000 หมายเลข
Class c nnn.nnn.nnn.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 192-233)
เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้น้อยที่สุด คือ 256 หมายเลข
nnn หมายถึง Network Address ccc หมายถึง Computer Address
IP Addressแต่ละกลุ่มที่ได้รับการจัดสรร จะได้รับการควบคุมการกำหนดเส้นทางโดยอุปกรณ์จำพวก เราเตอร์ และสวิตชิ่ง
ทำนอง เดียวกัน หน่วยงานย่อยรับIP Addressไปเป็นกลุ่มก็สามารถนำIP Address ที่ได้รับไปจัดสรรแบ่งกลุ่มด้วยอุปกรณ์เราเตอร์หรือ สวิตชิ่งได้ การกำหนดIP Addressจะต้องอยู่ภายในกลุ่มของตนเท่านั้น มิฉะนั้น
อุปกรณ์เราเตอร์จะ ไม่ สามารถทำงานรับส่งข้อมูลได้
**เพิ่งรู้ตัวเองว่า ชอบทางด้าน network ยังไงก็จะหาความรู้ทางด้านนี้มาให้มากๆ นะค่ะ หากใึครมีอะไรก็มาเเชร์ กันได้ค่ะ**
Friday, 20 August 2010
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อรุณสวัสดิืค่ะ ในเช่าวันศุกร์ หรรษา วันนี้ เอา ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาเเบ่งปันกัน ค่ะ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คืออะไร ??
การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการโอนถ่ายข้อมูล เเละสื่อสารระหว่างกันได้
Internet ??
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่เป็นเเหล่งรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ และมีการให้บริการในหลายรูปเเบบ เช่น email msn skpe การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล FTP การเล่น game online Ragnarok Pangya การเข้าชม website
คำศัพท์ระบบเครือข่ายที่ควรรู้ ?? วันนี้ได้รวบรวมเอาคำศัพท์ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ล่ะกันนะค่ะ
address หมายถึง ที่อยู่บน internet หรือที่อยู่ บน email
ADSL Asymmetric DSL หมายถึง เทคโนโลยี DSL ที่สามารถ ส่งสัญญาณข้อมูล แบบ bandwidthไม่สมดุลย์ ผ่านคู่สายสัญญาณ เพียงคู่เดียวได้ โดยทั่วไป bandwidth ของ ช่องสัญญาณขาลง (downstream bandwidth) ซึ่งมีทิศทาง การส่งข้อมูล จากเครือข่ายไปสู่ผู้ใช้ จะมีขนาด กว้างกว่า bandwidth ของ ช่องสัญญาณขาขึ้น (upstream bandwidth) ซึ่งมีทิศทาง การส่งข้อมูล จากผู้ใช้ไปสู่เครือข่าย
Bandwidth แบนด์วิดท์ หมายถึง ความจุข้อมูล ของเส้นทาง เชื่อมต่อเครือข่าย ที่สามารถส่งผ่านไปได้ ซึ่งบอกถึง ความเร็วในการส่งข้อมูล ตัวอย่างเช่น การเชื่อมโยงระบบ Ethernet นั้น สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ เป็นจำนวน 10 ล้านบิตต่อวินาที ในขณะที่ การเชื่อมโยงระบบ Fast Ethernet นั้น สามารถส่งข้อมูลได้ เร็วกว่าถึง 100 ล้านบิตต่อวินาที จึงมีแบนด์วิดท์มากกว่า เป็น 10 เท่า
Browser โปรแกรมสำหรับใช้เล่น internet เวิลด์ ไวด์ เว็บ (WWW) ได้แก่ Internet Explorer, Google chrome ,Firefox, Netscape, Opera
Client ไคลแอ็นท์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องปลายทาง (terminal) ที่ต่ออยู่กับ เครือข่าย ที่สามารถใช้ "บริการ" ร่วมกันกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นได้ บริการเหล่านี้ จะถูกจัดเก็บ และบริหาร โดยเครื่อง server
Dial up การติดต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่าย ผ่านทางสายโทรศัพท์
DNS Domain Name Server การแปลงชื่อโฮตของเครือข่ายไปเป็น address บนระบบเครือข่าย TCP/IP หรือใน Internet
Domain กลุ่มของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บนเครือข่าย
Download การส่งผ่านข้อมูล เช่น ไฟล์ภาพ, ไฟล์ภาพยนตร์, ไฟล์เสียงเพลง จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocol หรือโปรโตคอล ส่งผ่านไฟล์ เป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มโปรโตคอล อินเทอร์เนตหลัก (TCP/IP) ใช้สำหรับส่งไฟล์ จากเครื่องผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ ของคุณ
Gateway คอมพิวเตอร์ตัวกลางในการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากเครือข่ายหนึ่ง ไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง
Backbone เป็นส่วนสำคัญ ของเครือข่าย ที่ทำหน้าที่เป็น เส้นทางหลัก ในการส่งข้อมูล ระหว่างเครือข่าย มากกว่า ที่จะใช้ส่งข้อมูล กันภายใน
**คำศัพท์ เกี่ยวกับเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ยังมีอีกเยอะ เลย นะค่ะ จะรวบรวมมานำเสนออีกค่ะ**
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คืออะไร ??
การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการโอนถ่ายข้อมูล เเละสื่อสารระหว่างกันได้
Internet ??
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่เป็นเเหล่งรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ และมีการให้บริการในหลายรูปเเบบ เช่น email msn skpe การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล FTP การเล่น game online Ragnarok Pangya การเข้าชม website
คำศัพท์ระบบเครือข่ายที่ควรรู้ ?? วันนี้ได้รวบรวมเอาคำศัพท์ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ล่ะกันนะค่ะ
address หมายถึง ที่อยู่บน internet หรือที่อยู่ บน email
ADSL Asymmetric DSL หมายถึง เทคโนโลยี DSL ที่สามารถ ส่งสัญญาณข้อมูล แบบ bandwidthไม่สมดุลย์ ผ่านคู่สายสัญญาณ เพียงคู่เดียวได้ โดยทั่วไป bandwidth ของ ช่องสัญญาณขาลง (downstream bandwidth) ซึ่งมีทิศทาง การส่งข้อมูล จากเครือข่ายไปสู่ผู้ใช้ จะมีขนาด กว้างกว่า bandwidth ของ ช่องสัญญาณขาขึ้น (upstream bandwidth) ซึ่งมีทิศทาง การส่งข้อมูล จากผู้ใช้ไปสู่เครือข่าย
Bandwidth แบนด์วิดท์ หมายถึง ความจุข้อมูล ของเส้นทาง เชื่อมต่อเครือข่าย ที่สามารถส่งผ่านไปได้ ซึ่งบอกถึง ความเร็วในการส่งข้อมูล ตัวอย่างเช่น การเชื่อมโยงระบบ Ethernet นั้น สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ เป็นจำนวน 10 ล้านบิตต่อวินาที ในขณะที่ การเชื่อมโยงระบบ Fast Ethernet นั้น สามารถส่งข้อมูลได้ เร็วกว่าถึง 100 ล้านบิตต่อวินาที จึงมีแบนด์วิดท์มากกว่า เป็น 10 เท่า
Browser โปรแกรมสำหรับใช้เล่น internet เวิลด์ ไวด์ เว็บ (WWW) ได้แก่ Internet Explorer, Google chrome ,Firefox, Netscape, Opera
Client ไคลแอ็นท์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องปลายทาง (terminal) ที่ต่ออยู่กับ เครือข่าย ที่สามารถใช้ "บริการ" ร่วมกันกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นได้ บริการเหล่านี้ จะถูกจัดเก็บ และบริหาร โดยเครื่อง server
Dial up การติดต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่าย ผ่านทางสายโทรศัพท์
DNS Domain Name Server การแปลงชื่อโฮตของเครือข่ายไปเป็น address บนระบบเครือข่าย TCP/IP หรือใน Internet
Domain กลุ่มของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บนเครือข่าย
Download การส่งผ่านข้อมูล เช่น ไฟล์ภาพ, ไฟล์ภาพยนตร์, ไฟล์เสียงเพลง จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocol หรือโปรโตคอล ส่งผ่านไฟล์ เป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มโปรโตคอล อินเทอร์เนตหลัก (TCP/IP) ใช้สำหรับส่งไฟล์ จากเครื่องผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ ของคุณ
Gateway คอมพิวเตอร์ตัวกลางในการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากเครือข่ายหนึ่ง ไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง
Backbone เป็นส่วนสำคัญ ของเครือข่าย ที่ทำหน้าที่เป็น เส้นทางหลัก ในการส่งข้อมูล ระหว่างเครือข่าย มากกว่า ที่จะใช้ส่งข้อมูล กันภายใน
**คำศัพท์ เกี่ยวกับเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ยังมีอีกเยอะ เลย นะค่ะ จะรวบรวมมานำเสนออีกค่ะ**
Thursday, 19 August 2010
stop code /blue screen
มาต่อกันเลยนค่ะ สำหรับ stop code/ blue screen
18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่
สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ overclock วิธีแก้ก็คือลด clock
ลงมาให้เป็นปกติหรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
CPB Education Innovation Consultant
19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้น
คุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40
pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
20. (stop code 0x0000008E)
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ เิกิดจาก ram สกปรก ให้ทำการถอด ram ออกมาทำความสะอาด โดย วิธีทำความสะอาดนั้น เพื่อน ก็คงจะเข้ากันเป็นอย่างดี ใช้ยางลบ ลบบริเวณ ขา ram ที่เป็นที่ทอง อะค่ะ
*0* ในเรื่อง ของ blue screen / stop code ก็ขอพักไว้เท่านี้ก่อน หาก มี stop code อะไรเพิ่มเติม เพื่อน สามารถมาเเชร์ ความคิดเห็นกัน นะค่ะ *0*
18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่
สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ overclock วิธีแก้ก็คือลด clock
ลงมาให้เป็นปกติหรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
CPB Education Innovation Consultant
19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้น
คุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40
pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
20. (stop code 0x0000008E)
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ เิกิดจาก ram สกปรก ให้ทำการถอด ram ออกมาทำความสะอาด โดย วิธีทำความสะอาดนั้น เพื่อน ก็คงจะเข้ากันเป็นอย่างดี ใช้ยางลบ ลบบริเวณ ขา ram ที่เป็นที่ทอง อะค่ะ
*0* ในเรื่อง ของ blue screen / stop code ก็ขอพักไว้เท่านี้ก่อน หาก มี stop code อะไรเพิ่มเติม เพื่อน สามารถมาเเชร์ ความคิดเห็นกัน นะค่ะ *0*
stop code /blue screen
ภาคต่อของ stop code / blue screen
8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้จะมักเจอตอน boot windows จะมีขอความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของ file ระบบหรือ boot
partitions ได้ ให้ตรวจ hard disk ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้า hard disk หลุดหรือไม่ ถ้าปกติ
ดีก็ให้ตรวจ file boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทํางานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ file นี้อาจเขียน
config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade windows สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่
compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ ที่ไม่จําเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทําการ upgrade windows
เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วย driver รุ่นล่าสุด
CPB Education Innovation Consultant
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือ windows ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile
ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก hard disk เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย
หรือ main board เสีย
10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11.(stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทํางานที่ผิดพลาดของ driver หรือ service กับ หน่วยความจํา และ IRQ ถ้ามีรายชื่อ
ของ file หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทําการ uninstall โปรแกรมหรือทําการ roll back driver ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ file win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-
party) ที่ไม่ใช้ของ windows ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจําไม่เพียงพอ
12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทํางานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทําความเข้าใจกับเจ้า
HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่าง hardware software ว่า application ตัวไหน
วิ่งกับอุปกรณ์ ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง มี softwareที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับ
main board ที่เป็น Single CPU windows ก็จะไม่ทํางาน วิธีแก้คือ reinstall windows ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือ file ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup
file หรือเอา original file ที่คิดว่าไม่เสียหรือ versions ล่าสุด copy ทับ file ที่เสีย
13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทํางานโดย Virtual Memory Manager (VMM)
ผิดพลาด ทําให้ windows ทํางานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับ windows อาการนี้มักจะเกิดกับ
การทํางานแบบ multi monitors
ถ้าเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง สามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คําสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession
ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data
หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK restart เครื่อง
14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือ driver ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูล
ผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทํางานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการ
ทํางานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของ hard disk เสีย สามารถทราบรายละเอียดของerror
นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คําสั่ง eventvwr.msc เพื่อ
เปิืดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ
Autochk ในหมวด Application
15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทําความสะอาดขาแรม
หรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึง driver ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการของ error นี้คือการทํางานของเครื่องจะทํางานในแบบวนซ้ําๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะ restart ตลอด
หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุ
อื่นๆ มากมาย การแก้ไขให้พยายามทําตามนี้ ก่อนนะค่ะ
1.ให้ดูที่ power supply ว่าจ่ายกําลังไฟเพียงพอกับความต้องการของ computer หรือไม่ ให้ดูว่า
ในเครื่องมีอุปกรณฺ์มากไปไม่เหมาะกับ power supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กําลังมากขึ้น
ปัญหานี้เคยมีประสบการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
2. ให้ดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ driver ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทําการ
Rollback driver ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและ main board ว่าเสียหรือไม่ เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจาก
ตําแหน่งเดิม
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิต main board ว่ามี driver ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่
6. ถ้ามีการ์ดแลนหรือ main board มี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE
Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
*0*อ่านเเล้ว ดูเยอะ นะค่ะ เเต่ยังมีอีก นะค่ะ ปัญหา มักมาให้เราพบ บ่อยๆ ยังไงก็อย่าท้อเเท้ สู้ๆ กันต่อไปนะค่ะ *0*
8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้จะมักเจอตอน boot windows จะมีขอความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของ file ระบบหรือ boot
partitions ได้ ให้ตรวจ hard disk ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้า hard disk หลุดหรือไม่ ถ้าปกติ
ดีก็ให้ตรวจ file boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทํางานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ file นี้อาจเขียน
config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade windows สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่
compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ ที่ไม่จําเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทําการ upgrade windows
เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วย driver รุ่นล่าสุด
CPB Education Innovation Consultant
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือ windows ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile
ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก hard disk เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย
หรือ main board เสีย
10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11.(stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทํางานที่ผิดพลาดของ driver หรือ service กับ หน่วยความจํา และ IRQ ถ้ามีรายชื่อ
ของ file หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทําการ uninstall โปรแกรมหรือทําการ roll back driver ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ file win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-
party) ที่ไม่ใช้ของ windows ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจําไม่เพียงพอ
12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทํางานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทําความเข้าใจกับเจ้า
HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่าง hardware software ว่า application ตัวไหน
วิ่งกับอุปกรณ์ ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง มี softwareที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับ
main board ที่เป็น Single CPU windows ก็จะไม่ทํางาน วิธีแก้คือ reinstall windows ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือ file ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup
file หรือเอา original file ที่คิดว่าไม่เสียหรือ versions ล่าสุด copy ทับ file ที่เสีย
13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทํางานโดย Virtual Memory Manager (VMM)
ผิดพลาด ทําให้ windows ทํางานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับ windows อาการนี้มักจะเกิดกับ
การทํางานแบบ multi monitors
ถ้าเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง สามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คําสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession
ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data
หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK restart เครื่อง
14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือ driver ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูล
ผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทํางานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการ
ทํางานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของ hard disk เสีย สามารถทราบรายละเอียดของerror
นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คําสั่ง eventvwr.msc เพื่อ
เปิืดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ
Autochk ในหมวด Application
15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทําความสะอาดขาแรม
หรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึง driver ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการของ error นี้คือการทํางานของเครื่องจะทํางานในแบบวนซ้ําๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะ restart ตลอด
หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุ
อื่นๆ มากมาย การแก้ไขให้พยายามทําตามนี้ ก่อนนะค่ะ
1.ให้ดูที่ power supply ว่าจ่ายกําลังไฟเพียงพอกับความต้องการของ computer หรือไม่ ให้ดูว่า
ในเครื่องมีอุปกรณฺ์มากไปไม่เหมาะกับ power supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กําลังมากขึ้น
ปัญหานี้เคยมีประสบการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
2. ให้ดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ driver ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทําการ
Rollback driver ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและ main board ว่าเสียหรือไม่ เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจาก
ตําแหน่งเดิม
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิต main board ว่ามี driver ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่
6. ถ้ามีการ์ดแลนหรือ main board มี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE
Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
*0*อ่านเเล้ว ดูเยอะ นะค่ะ เเต่ยังมีอีก นะค่ะ ปัญหา มักมาให้เราพบ บ่อยๆ ยังไงก็อย่าท้อเเท้ สู้ๆ กันต่อไปนะค่ะ *0*
stop code /blue screen
สวัสดีค่ะ ตามที่ได้สัญญาไว้เเล้วว่าจะนำ stop code blue screen ของ windows มานำเสนอ ให้ค่ะ จะบอกว่ามัีนเยอะ นะค่ะ จะนำมาลงให้ได้อ่านกันเรื่อยๆ ค่ะ
1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Read only Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น fileบาง file เสีย driver
คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็น driver ก็ให้ทําการ
roll back driver ตัวเก่ามาใช้ หรือ หา driver ที่เป็น versions ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า)
ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหา ก็ให้ทําการปิด หรือ disable นะค่ะ
2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
เกิดจาก upgrade เครื่อง พวก Hardware ต่าง
เช่น ram ,hard disk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้า
จําเป็นต้องใช้ก็ให้ลง driver หรือ update firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคําเตือนสําหรับการ
จะ update ให้ปิด anti-virus ด้วยนะค่ะ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่า
เป็นไวรัส
3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของ Hardware เสียหาย ได้แก่ ระบบแรม ,cache L2
ของซีพียู , memory ของการ์ดจอ, hard disk ทํางานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และ main board เสีย
4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ driver กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับdriver หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้ computer
ทํางานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้า windows แจ้ง error driver หรือ service ตัวไหนก็ให้
uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของ windows ซะ
6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Canceling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ driver ปิดตัวเองทั้งๆ ที่ windows ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทําเหมือนข้อ 1
7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ hardware เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตําแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด
สาเหตุจาก driver หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
** จะมาเพิ่มเติมให้อีก นะค่ะ รอสักครู่ ค่ะ**
1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Read only Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น fileบาง file เสีย driver
คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็น driver ก็ให้ทําการ
roll back driver ตัวเก่ามาใช้ หรือ หา driver ที่เป็น versions ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า)
ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหา ก็ให้ทําการปิด หรือ disable นะค่ะ
2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
เกิดจาก upgrade เครื่อง พวก Hardware ต่าง
เช่น ram ,hard disk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้า
จําเป็นต้องใช้ก็ให้ลง driver หรือ update firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคําเตือนสําหรับการ
จะ update ให้ปิด anti-virus ด้วยนะค่ะ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่า
เป็นไวรัส
3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของ Hardware เสียหาย ได้แก่ ระบบแรม ,cache L2
ของซีพียู , memory ของการ์ดจอ, hard disk ทํางานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และ main board เสีย
4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ driver กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับdriver หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้ computer
ทํางานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้า windows แจ้ง error driver หรือ service ตัวไหนก็ให้
uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของ windows ซะ
6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Canceling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ driver ปิดตัวเองทั้งๆ ที่ windows ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทําเหมือนข้อ 1
7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ hardware เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตําแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด
สาเหตุจาก driver หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
** จะมาเพิ่มเติมให้อีก นะค่ะ รอสักครู่ ค่ะ**
Wednesday, 18 August 2010
Blue screen

blue screen หรือ จอฟ้า ในระบบ windows อาจเกิดได้จาก ไวรัส หรือ อุปกรณ์ Hardware เเล้วเเต่ stop code ที่เเสดง ในหน้าจอสีฟ้า นั้น เพื่อหลีกปัญหา Blue Screen ควรหมั่น backup ค่า con fig และค่า register ของ windows อยู่เสมอ เครื่องมือที่ดีก็คือ System Restore ในการเกิด stop code นั้น เราก็สามารถเเก้ไขได้เสมอ
บทความหน้าจะนำตัวอย่าง การเกิด blue screen ที่มี stop code เเต่ละปัญหา มาให้ นะจ๊ะ
itsupport

การเริ่มต้น อีกครั้ง กับการทำ blog เกี่ยวกับ it เพื่อ คน it โดยเฉพาะ หากคนไหนสนใจ เรื่องอะไร หรือต้องการ
อยากรู้อะไร มาค้นหาได้ที่นี่ นะจ๊ะ ขอเเนะนำตัวก่อนล่ะกันค่ะ
ชื่อ หนูนา นะค่ะ ทำงานทางด้าน it support มาก็นานอยู่ ได้ความรู้ว่าก็เยอะ เลยอยากเเบ่งปัน ให้ หลายๆ คน
ได้รับรู้เอาไปใช้งาน กันต่อ เนื้อหา อะไร ที่อยากได้ สามารถ โพสบอกมาได้นะค่ะ
เดี๋ยว จะเเบ่ง ออกเป็น hardware software network blue screen Microsoft office ระบบปฎิบัติการ os
รวมไปถึง Mobile Zone สำหรับ คนที่รักการดาว์นโหลด ก็จะโปรแกรม ที่น่าสน ใจมาให้ ค่ะ Application Download
Subscribe to:
Posts (Atom)